การผลิตพลังงานทดแทนได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งมั่นคงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และรัฐบาลและบริษัทเอกชนจำนวนมากมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมาย “เน็ต-ซีโร่ (Net-Zero)” ในขณะเดียวกัน ความต้องการพลังงานยังคงเพิ่มขึ้น และการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลก็เพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าง ส่วนแบ่งพลังงานปฐมภูมิในปัจจุบันจากเชื้อเพลิงฟอสซิลยังคงครอบครอบตลาดซึ่งลดลงเพียงเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น การผลิตถ่านหินในอินเดียและจีนเพิ่มขึ้นเป็น 600 ล้านตันตั้งแต่ปี 2021 เนื่องจากความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นในทั้งสองประเทศ ส่งผลให้การผลิตถ่านหินในจีนเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์และเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ในอินเดีย ขณะเดียวกัน อินโดนีเซียก็มีผลิตถ่านหินเพิ่มเติม 260 ล้านตันในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ความแตกต่างระหว่าง พลังงานหมุนเวียน และ การผลิตการบริโภคเชื้อเพลิงฟอสซิล ยังคงอยู่อย่างมีนัยยะสำคัญ จึงจำเป็นที่จะต้องทำให้การผลิตและการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลนี้หมดไป การดำเนินการจะต้องเป็นไปอย่างเด็ดเดี่ยวและเด็ดขาด แม้จะมีแผนการเติบโตของพลังงานหมุนเวียน แต่โลกก็ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการเน็ต-ซีโร่ได้ ทั้งนี้รายงานจาก McKinsey ได้กล่าวว่า อัตราการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในปัจจุบันไม่เพียงพอที่จะรักษาภาวะโลกร้อนตามเป้าหมายทั่วโลกที่กำหนดโดยข้อตกลงปารีสที่นำมาใช้ในการประชุม COP21 ในปี 2021

ความเสี่ยงทางด้านสภาพอากาศปรากฎชัดเจนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามรายงานการประเมินครั้งที่ 6 ของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ของสหประชาชาติ มีการคาดการณ์นโยบายปัจจุบัน จะนำพาไปสู่ภาวะโลกร้อน เฉลี่ยที่ 2.4 C ถึง 3.5 C ภายในปี 2100 และทำให้การจำกัดภาวะโลกร้อนอยู่ที่ 1.5 C เป็นสิ่งไกลเกินเอื้อม เพื่อลดช่องว่างนี้ กำลังการผลิตติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมต่อปี โลกจะต้องเพิ่มอัตราการผลิตพลังงานดังกล่าวให้มากขึ้นเกือบสามเท่า จากประมาณ 180 กิกะวัตต์ (GW) ของกำลังการผลิตติดตั้งเฉลี่ยต่อปีในปี 2016-2021 เป็นมากกว่า 520 กิกะวัตต์ในทศวรรษข้างหน้า ซึ่งความเร่งด่วนนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค

McKinsey ได้ศึกษาและกำหนด 5 ต้นแบบ ของของประเทศที่เผชิญกับความท้าทายและโอกาสที่คล้ายคลึงกันในเส้นทางการดำเนินการเพื่อให้บรรลุแนวคิดเน็ต-ซีโร่ แม้แต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน แต่ต้นแบบเหล่านี้มุ่งเน้นที่การลงมือทำ และการจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องลงมือทำ เพื่อการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานเป็นไปอย่างราบรื่น การจัดหมวดหมู่ของประเทศต่างๆ นี้แสดงถึงความเหลื่อมล้ำความไม่เท่าเทียมกันของ ภาระของการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน และความสามารถของแต่ละภูมิภาคในการตอบสนองต่อความท้าทายในการปรับตัวและการบรรเทาผลกระทบ ดังนั้นระดับของความร่วมมือและการประสานงานกันในระดับโลกในปัจจุบันนั้นยังไม่เพียงพอ ตัวอย่างเช่น มีความคืบหน้าเกิดขึ้นในการระดมเงินทุนภาครัฐและเอกชนสำหรับประเทศกำลังพัฒนา ทว่าการวิเคราะห์ของ OECD บ่งชี้ว่าเป้าหมายว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 ไม่น่าจะบรรลุเป้าหมาย ทั้งนี้ ต้นแบบทั้งห้าถูกจำแนกตามลักษณะการเปลี่ยนแปลงพลังงานที่สำคัญได้แก่

1. ประเทศที่มั่งคั่งและมั่นคงด้านพลังงาน
2. ประเทศที่มั่งคั่งและใช้พลังงานน้อย
3. เศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่ปล่อยมลพิษสูง
4. เศรษฐกิจกำลังพัฒนาที่มีอุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ
5. เศรษฐกิจกำลังพัฒนาที่มีความเสี่ยง

ศักยภาพในการนำพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้นั้นมีความแตกต่างตามภูมิภาค ตัวอย่างเช่น แอฟริกา ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง มีศักยภาพที่ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์อย่างมหาศาล ในขณะที่อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และยุโรปเหนือ มีความหนาแน่นของพลังงานลมสูง การเปลี่ยนแปลงไปสู่พลังงานหมุนเวียนมีจึงขึ้นอยู่กับลักษณะทางทรัพยากรของแต่ละประเทศ

เน็ต-ซีโร่ กำลังก่อตัว เป็นรูปเป็นร่าง โดยมีประเทศมากกว่า 90% ในโลกได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะดำเนินการตามแนวคิดเน็ต-ซี อย่างไรก็ดี การวิจัยของ Accenture ระบุว่าบริษัท G2000 (รายชื่อบริษัทมหาชนและเอกชนชั้นนำของโลก 2,000 แห่งที่รวบรวมโดย Accenture โดยพิจารณาตามรายได้) ที่ได้ปฏิญาณตนตามแนวคิด เน็ต-ซีโร่ จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้หากสถานการณ์ยังคำดำเนินไปอย่างเช่นในปัจจุบัน และการลดก๊าซเรือนกระจกยังคงเป็นวาระเร่งด่วนที่สุด บริษัทในกลุ่ม Accenture G2000 ในทุกภูมิภาค ได้กำหนดกำหนดเป้าหมายเน็ต-ซีโร่อย่างเปิดเผยชัดเจนต่อสาธารณะ กลุ่มตัวอย่างโดยรวมเพิ่มขึ้นเจ็ดเปอร์เซ็นต์ ในอุตสาหกรรมเกือบทั้งหมด พบว่าบริษัทที่ตั้งเป้าหมายเน็ต-ซีโร่ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา และมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกความเข้มข้นสูง

Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor & MEGA Tech

The growth of renewable energy production has been vital in the past decade, and a growing number of governments and companies are committing to meet net-zero targets. At the same time, energy demand continues to rise, and fossil fuel production has risen to meet that demand. The current share of primary energy from fossil fuels remains predominant and has dropped only slightly. For example, coal production in India and China alone has grown by 600 million tons since 2021, as growing energy needs in the two countries have led to an increase of 10 percent in China and nearly 30 percent in India. Indonesia, meanwhile, has produced an additional 260 million tons of coal in the past decade.

However, a major gap remains between renewables on one hand and fossil fuel production and consumption on the other—and the need for bold, decisive, and carefully considered climate action is stronger than ever. Despite the planned growth in renewables, the world is not on track to meet net-zero requirements. According to McKinsey’s Global Energy Perspective 2022, the current rate of renewable development would not be sufficient to maintain global warming with the worldwide targets set by the Paris Agreement adopted at COP21 in 2021.

Physical climate risk and its visible manifestations are also continuing to grow. Specifically, according to the sixth assessment report of the United Nations’ Intergovernmental Panel on Climate Change (IPCC), extrapolating current policies would lead to a median global warming of 2.4 C to 3.5 C by 2100 and limit global warming to 1.5 C beyond reach. To bridge this gap, annual solar and wind installed capacity would need to nearly triple, from approximately 180 gigawatts (GW) of average yearly installed capacity in 2016 – 2021 to more than 520 GW over the coming decade, with different accelerations required across global regions.

McKinsey research has defined five main archetypes of countries that face similar challenges and opportunities in the net-zero transition. While each country is different, these archetypes lend themselves to similar actions and priorities for a more orderly energy transition. This categorization of countries reveals that the burdens of the energy transition, and each region’s ability to meet the challenges of adaptation and mitigation, will not be evenly distributed. Moreover, global cooperation and coordinated collective action beyond current levels will be needed. For example, while significant progress has been made in mobilizing public and private financing for developing countries, OECD analysis indicates that the USD 100 billion target 2020 was likely not met. The five archetypes are classified according to key energy transition characteristics:

1. Affluent, energy-secure countries

2. Affluent, energy-exposed countries

3. Large, emissions-intensive economies

4. Developing, naturally endowed economies

5. Developing, at-risk economies

Wind and solar power potential vary across the globe. For example, Africa, Australia, and the Middle East have significant solar-generation opportunities, while North and South America and northern Europe have strong wind-power density. The shift toward renewables will likely favor naturally endowed countries that can build on their potential.

Net-Zero is building, and more than 90% 0f the global economy is covered by national net zero commitments.  Nevertheless, Accenture research indicates that the G2000 companies—an Accenture-developed list of the world’s top 2,000 public and private companies by revenue—with net zero commitments will miss their net zero targets based on current trends. The pace of emissions reduction needs to accelerate significantly. Accenture G2000 companies in every region appear to set clear and publicly visible net-zero targets. The overall sample saw a seven-percentage point increase. Almost all industries have seen the proportion of companies setting net-zero targets rise over the past year, and more carbon-intensive industries have seen these proportions grow the most.

Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor & MEGA Tech

過去 10 年間において再生可能エネルギー生産の拡大は不可欠でありネットゼロ目標の達成に取り組む政府や企業が増えています。同時にエネルギー需要は増加し続けておりその需要を満たすために化石燃料の生産が増加しています。現在一次エネルギーに占める化石燃料の割合は依然として圧倒的であり僅かに低下しただけです。例えばインドと中国の石炭生産量は2021 年以降両国だけでも 6 億トン増加しました。これは両国におけるエネルギー需要の増大により中国が10%、インドが30% 近く増加したためです。一方インドネシアは過去10年間で更に2億6000万トンの石炭を生産した。

しかし一方では再生可能エネルギー、もう一方では化石燃料の生産と消費との間には依然として大きな隔たりがあり大胆かつ果断かつ慎重に検討された気候変動対策の必要性がこれまで以上に高まっています。再生可能エネルギーの増加が計画されているにもかかわらず世界はネットゼロの要件を満たす軌道には乗っていません。マッキンゼーの「Global Energy Perspective 2022」によると現在の再生可能エネルギー開発速度は2021年のCOP21で採択されたパリ協定で定められた世界目標を達成するには地球温暖化を維持するには不十分だとの事です。

物理的な気候リスクとその目に見える症状も増大し続けています。具体的に言えば国連の気候変動に関する政府間パネル (IPCC) の第 6 回評価報告書によると現在の政策から推定すると2100 年までに地球温暖化の中央値は 2.4 度から 3.5 度になり地球温暖化は達成には1.5 度程足りません。このギャップを埋めるには太陽光発電と風力発電の年間設置容量を2016年～2021年の平均年間設置容量約180ギガワット（GW）から今後10年間で520GW以上へと3倍近く増やす必要があり世界各地で異なる速度での努力が必要となります。

マッキンゼーの調査では、ネット・ゼロ移行において同様の課題と機会に直面している国 5 つの主要な原型を定義しました。各国それぞれ異なりますがこれらの原型はそれらの国々をしてより秩序あるエネルギー移行のための同様の行動と優先順位に役立ちます。このように各国を分類するとエネルギー転換の負担と適応と緩和の課題に対処する各地域の能力が均等に配分されないことが明らかになります。更に現在のレベルを超えた世界的な協力と協調した集団としての行動が必要となるでしょう。例えば開発途上国への公的資金と民間資金の動員においては大きな進展が見られましたが、OECDの分析によると2020年の目標1,000億ドルは達成されない可能性が高いことが示されています。5 つのアーキタイプは主要なエネルギー遷移の特徴に従って分類されています。

1. 豊かでエネルギーが確保できている国

2. 豊かでエネルギーに恵まれた国々

3. 大規模な排出集約型経済

4. 自然豊かな発展途上の経済

5. 発展途上国のリスクに晒されている経済

風力発電と太陽光発電の可能性は世界各地で異なります。例えばアフリカ、オーストラリア、中東には大きな太陽光発電のチャンスがあり、北アメリカ、南アメリカ、北ヨーロッパには強い風力発電の資源があります。再生可能エネルギーへの移行は潜在力を活用できる自然に恵まれた国々に有利となる可能性が高いのです。 ネットゼロは構築されつつあり世界経済の 90% 以上が国家ネットゼロの取り組みによってカバーされています。にも関わらずアクセンチュアの調査ではネットゼロをコミットしているG2000企業（アクセンチュアが開発した売上高上位2,000社の公開企業および非公開企業のリスト）は現在の傾向に基づけばネットゼロの目標を達成できないことが提示されています。排出削減のペースを大幅に加速する必要があります。各地域のアクセンチュア G2000 企業は明確かつ公的に目に見えるネットゼロ目標を設定しているようです。サンプル全体では 7% ポイントの増加が見られました。ほぼ全ての業界でネットゼロ目標を設定する企業の割合が過去 1 年間で増加しており炭素集約型の業界でこの割合が最も増加しています

Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor & MEGA Tech