Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., MEGA Tech Senior Editor

ยุคนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นยุครุ่งเรืองของการเกษตรดิจิทัลหรือการเกษตรอัจฉริยะซึ่งจะเปลี่ยนโฉมหน้าของวงการอุตสาหกรรมไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากการเกษตรอัจฉริยะมิได้สร้างเพียงความเปลี่ยนแปลงให้กับเกษตรกรหรือการเกษตรกรรม แต่ความเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้เกิดขึ้นในระดับห่วงโซ่อุปทานรากฐานในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารทางการเกษตร ส่งผลต่อวิถีชีวิตพฤติกรรมของเกษตรกร ส่งผลต่อผู้ที่ครอบข้อมูลการผลิต ผู้ที่ใช้ประโยชน์จากการประมวลผลข้อมูลดังกล่าว ผู้ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค สามารถสร้างตลาด ตั้งราคา และสร้างการขาย แนวคิดดังกล่าวนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้จริงได้ทั้งระบบ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรทางการเกษตร จากเดิมที่เป็นแบบเหมารวม มาสู่การบริหารจัดการแบบที่มีความเฉพาะเจาะจง มีคุณภาพสูง แบบป้องกันเชิงรุก (มากกว่าการตามแก้ไขปัญหา) และทันต่อเวลาด้วยข้อเท็จจริง ทั้งนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ได้รับมาจากระบบเครือข่ายข้อมูลเกษตรกรรมขนาดใหญ่

การปฏิวัติดิจิทัลได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งรวมถึงภาคเกษตรกรรมด้วย รถแทรคเตอร์ล้ำยุคที่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองไปบนท้องไร่ทุกหนทุกแห่ง โดรนที่ติดตั้งอุปกรณ์เซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพดินที่สามารถตรวจจับภาวะโรคในพืชในระยะเริ่มต้นรวมไปถึงหุ่นยนต์หน้าที่ต่างๆ สิ่งเหล่านี้รวมกันทำให้การเกษตรแบบแม่นยำเป็นไปได้ การประมวลผลและเทคโนโลยี Big Data ในภาคเกษตรกรรมทำให้ทราบข้อมูล insight ที่นำไปสู่ผลผลิตที่มีประสิทธิภาพในท้องไร่ ซึ่ง insight เหล่านี้ทำให้ชาวไร่ชาวสวนสามารถให้ปุ๋ยและให้การดูแลกำจัดวัชพืชได้อย่างเจาะจงมากขึ้น จากที่เดิมทีการดูแลพืชผลที่มีลักษณะเหมารวม เป็นการดูแลบริหารจัดการที่มีความแม่นยำเจาะจงในระดับรายต้นสำหรับกรณีที่เป็นการทำไร่ และระดับรายตัวสำหรับกรณีที่เป็นปศุสัตว์ และยังทำให้การติดตามผลผลิตในห่วงโซ่อุปทานเป็นไปอย่างละเอียดและครอบคลุมที่สุด ผลสัมฤทธิ์ประสิทธิภาพประสิทธิผลเหล่านี้เกิดขึ้นจากการปฏิวัติเกษตรกรรมดิจิทัลซึ่งมีลักษณะเป็นเวชศาสตร์ป้องกันเชิงรุก ปลอดภัย อีกทั้งยังมีความสามารถใช้การปรับตัวตั้งรับกับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน สามารถรับประกันได้ว่าพืชผลทั้งหลายจะปลอดภัย และยังสร้างผลกำไรได้อย่างยั่งยืนให้แก่ภาคเกษตรกรรม

AGRITECH INVESTMENT SURGES

จากรายงานของ Financial Times จำนวนเม็ดเงินที่หลั่งไหลมาจากทั่วโลกได้ลงสู่ภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารได้ทะยานสูงขึ้นถึงร้อยละ 40 ในปี 2018 เป็นจำนวนเงิน 17 พันล้านดอลลาร์ บริษัท AgFunder ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนธุรกิจออนไลน์รายงานว่าจำนวนข้อตก “ดีล” ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11 ในช่วงปีที่ผ่านมา เป็นจำนวนถึง 1,442 ดีล ในบรรดาดีลเหล่านี้กว่าครึ่งเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา รองรงลงมาก็คือจีนและอินเดียตามลำดับ การลงทุนด้านเทคโนโลยีชีวภาพเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 50 ในปี 2018 เป็นเม็ดเงินจำนวนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ ตัวอย่างเช่น Indigo AG เป็นสตาร์ทอัพย่านบอสตัสได้นับผู้ซื้อมาพบปะกับผู้ขายสินค้าพืชพันธ์โดยผ่านโมบายแอป ได้ระดมทุนไปแล้วกว่า 250 ล้านดอลลาร์ ส่วน Pivot Bio ที่พัฒนา microbe ที่มีความสามารถในการตรึงไนโตรเจนก็ได้รับการสนับสนุนจาก Breakthrough Venture และจากนักลงทำโพรไฟล์เศรษฐีพันล้าน (ดอลลาร์) เช่น Jeff Bezos และ Michael Bloomberg เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปสักเท่าไหร่ก็ตาม เมื่อกล่าวถึงประโยชน์และผลิตผลจากการปฏิบัติดิจิทัลแล้ว ภาคการเกษตรก็ยังนับว่าตามหลังอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติหรือแม้แต่ภาครัฐก็ตาม ในภาคการเกษตรนอกจากจะมีวัฎจักรของการคืนทุนที่ยาวนาน แล้วยังมีปัจจัยอื่นเช่นสภาพความแล้งแค้นของผืนดิน ความซับซ้อนทางพันธุกรรมอันมาจากสภาพฟ้าดิน สารอาหาร ปริมาณน้ำและส่วนผสมของดิน เหล่านี้ล้วนมีส่วนทำกระบวนการดิจิทัลทางการเกษตรมีความซับซ้อนและยุ่งยากขึ้น

FRICTION TO DIGITIZATION

จากผลการสำรวจของ McKinsey ในส่วนของผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมพบว่า ระบบขับเคลื่อนนำทางด้วย GPS เป็นเทคโนโลที่เกษตรกรให้ความสนใจสูงถึงร้อยละ 88 เกษตรกรเหล่านี้สนใจในการประยุกต์เทคโนโลยีดังกล่าวนี้เข้ากับอุปกรณ์ปลูกเมล็ดพืช รดน้ำ พรวนดิน ให้ปุ๋ย เพิ่มคุณภาพให้กับดิน และงานเวชศาสตร์ป้องกัน ทั้งเทคโนโลยีและเครื่องมือเหล่านี้สามารถประกอบสร้างและทำงานได้จริงโดยอาศัยการปรับแต่งแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น กระบวนการปรับแต่งที่ว่านี้จึงน่าดึงดูดมากกว่าระบบงานที่ต้องออกแบบใหม่ทั้งหมดอย่างเช่นการเปลี่ยนทุกเครื่องมือให้เป็นระบบไฟฟ้าและอัตโนมัติทั้งหมด

โดยทั่วไปแล้วเกษตรกรสนใจเทคโนโลยีที่สามารถยกระดับผลิตผลสร้างผลตอบแทนทางการเงินสูง จากการสำรวจเดียวกันนี้แสดงให้เห็นว่าเกษตรกรมีความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอันเนื่องมาจากการใช้งานอุปกรณ์เครื่องมือเกินจากที่วางแผนไว้ อีกความกังวลที่ไม่แพ้กันคือความพร้อมใช้ของอุปกรณ์เครื่องมือในเวลาที่จะต้องใช้งานจริง โมเดลการเช่าอุปกรณ์นั้นไม่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ประกอบการทางการเกษตร มักเลือกใช้แบรนด์ที่คุ้นเคยเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้น เกษตรกรต้องควบคุมกระแสข้อมูลที่เกิดจากการใช้งานอุปกรณ์เครื่องมือด้วยตัวเองอีกด้วย

อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการเกษตรกรรมให้ความเชื่อมั่นกับแบรนด์มากกว่าผู้ผลิตและขายแบบ OEMs ในส่วนของอุปกรณ์ขับเคลื่อนนำทางด้วย GPS ซึ่งมีความแตกต่างหลากหลายที่ขึ้นอยู่กับการประอุปกรณ์ต่อพ่วงและส่วนของซอฟต์แวร์บริหารจัดการดฟาร์ม อย่างที่รู้กันว่า OEMs คือผู้ที่อยู่แนวหน้าของการพัฒนาเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ แต่ว่าคุณค่าได้เปลี่ยนย้ายถ่ายเทจากฮาร์ดแวร์ไปสู่ซอฟต์แวร์ OEMs จึงจำเป็นต้องพัฒนาขีดจำกัดศักยภาพของตนเองให้กว้างขวางกว่าเดิมเพื่อที่จะจัดหาระบบนิเวศน์ที่เหมาะสมกับให้กับลูกค้า รวมไปถึงรูปแบบของความร่วมมือต่างๆ ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีขึ้น และที่สำคัญที่สุด OMEs จะต้องพัฒนาสานต่อความสัมพันธ์ที่ดีและลึกซึ้งกับลูกค้า เข้าใจถึงความในใจ ความต้องการ ความกังวลเบื้องลึก ทั้งนี้เพื่อช่วยกำจัดปัดเป่าปัญหาที่ลูกค้ามี

Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., MEGA Tech Senior Editor

The rise of smart, digital agriculture could be the most transformative and disruptive of all industries, because smart agriculture not only will change how farmers farm their farms, but also will transform fundamentally every part of the agrifood value chain. Digital agriculture will affect the behavior of farmers, and also affect the way that input providers, processing and retail companies market, price and sell their products. It can be applied to all aspects of agrifood systems and reflects a change in generalized management of resources towards highly optimized, individualized, intelligent and anticipatory management, in real time, hyperconnected and driven by data.

The digital revolution is changing agriculture. State-of-the-art tractor drive almost autonomously across the field. Drones and soil sensors can detect diseases in the fields at an early state, and robots are enabling precision agriculture. Big data and algorithms in agriculture will enable insights and optimization in the field. This enables farmers to apply fertilizer and crop protection agents more precisely. For instance, rather than treating all fields, crops and value chains uniformly, each could receive their own highly optimized management prescriptions and animals could be monitored and managed individually. Value chains could have traceability and coordination at the lowest level of granularity. The desired results of digital agriculture are systems of higher productivity, which are safe, anticipatory and adapted to the consequences of climate change, to offer greater food security, profitability and sustainability.

AGRITECH INVESTMENT SURGES

According to Financial Times, the amount of money invested worldwide in agricultural and food technology jumped by more than 40 per cent in 2018, to $17 billion. According to AgFunder, an online venture capital platform, the number of deals also rose 11 per cent year-on-year, to 1,442. Nearly half of the fundraising took place in the US while China was the second-biggest market, followed by India. Investments in biotechnology increased more than 50 per cent, to $1.5 billion in 2018. For example, Indigo Ag, the Boston-based start-up that connects sellers and buyers of crops through a mobile app, raised $250 million. Pivot Bio gained backing for its nitrogen-fixing microbes from Breakthrough Ventures, a billionaire investor syndicate fund with investors such as Jeff Bezos and Michael Bloomberg. Although the technology advances, agriculture sector quite lag behind sectors such as oil and gas, and even government, with respect to the productivity gains associated with digitization. In agriculture, the long cycles for experimentation, connectivity issues in rural areas, and complex systems affected by weather-genetics, nutrition, water availability, soil composition, and the like-have made digitizing more difficult.

FRICTION TO DIGITIZATION

According to McKinsey’s survey, for farmers, GPS auto steering topped the list of compelling uses for new technologies, with 88 per cent finding it attractive. They also liked variable application of inputs, such as determining the right mix of seeds, water, fertilizer, and other soil enhancements, and predictive maintenance. These tools and technologies that could be integrated into existing operations with relatively minor modifications were perceived by end customers as more attractive than those would require an entire redesign, such as a move to fully electric or fully automated equipment.

Farmers primarily care about heightened job effectiveness, their financial incentive is to have higher yield. The survey showed the extra cost of over usage is a main worry, and they were primarily worried about the availability of the equipment when it is needed. Moreover, interest in peer-to-peer rental is also low. They tended to already have higher brand concentration, fewer brands in ownership, and they also wanted to have control over their data generating from using their equipment.

TAKE-HOME MESSAGE

However, more framers ranked high-tech companies above OEMs as trusted providers when it came to use cases such as GPS auto steering, variable application of inputs, and connectivity to farm-management software. OEMs have traditionally been at the forefront of hardware production development. However, with value shifting from hardware to software, OEMs need to expand their digital capabilities and provide ecosystems to customers, a solution which is a collection of entities that can partner to serve customers better. Most importantly, OEMs will have to develop a deep understanding of customer decision journeys to empathize and improve their concerns.

アグリテック：農業におけるデジタル革命

スマートなデジタル農業の台頭は、すべての業界で最も変革的で破壊的なものになる可能性がありますが、その理由はスマート農業は農民が自分たちの農場を営む方法を変えるだけでなく、農産物のバリューチェーンのあらゆる部分を根本的に変えるためです。デジタル農業は、農民の行動に影響を与え、入力プロバイダー、加工および小売企業が製品を販売、価格設定、販売する方法にも影響を与えます。農業食品システムのあらゆる側面に適用でき、高度に最適化され、個別化された、インテリジェントで予測的な管理へのリソースの一般管理の変更を反映します。

デジタル革命は農業を変えていきます。最先端のトラクターは、フィールド全体でほぼ自律的に駆動します。ドローンと土壌センサーは、初期段階で畑の病気を検出でき、ロボットは精密農業を可能にします。農業のビッグデータとアルゴリズムは、現場での洞察と最適化を可能にします。これにより、農家は肥料や作物保護剤をさらに正確に適用できます。たとえば、すべての畑、作物、バリューチェーンを均一に処理するのではなく、それぞれが独自に高度に最適化された管理処方箋を受け取り、動物を個別に監視および管理できます。バリューチェーンは、最低レベルの粒度でトレーサビリティと調整を持つことができます。デジタル農業の望ましい結果は、安全性、予測性、気候変動の影響に適応した生産性の高いシステムであり、食料の安全性、収益性、持続可能性を向上させます。

アグリテック投資の急騰

Financial Timesによると、農業および食品技術に世界中で投資された金額は、2018年に40％以上増加し、170億ドルになりました。オンラインベンチャーキャピタルプラットフォームであるAgFunderによると、取引件数も前年比で11％増加して1,442になりました。資金調達のほぼ半分が米国で行われ、中国がインドに次いで2番目に大きな市場でした。バイオテクノロジーへの投資は50％以上増加し、2018年には15億ドルになりました。たとえば、モバイルアプリを通じて作物の売り手と買い手を結びつけるボストンを拠点とする新興企業Indigo Agは、2億5000万ドルを調達しました。Pivot Bioは、窒素固定微生物の支援を受け、Jeff BezosやMichael Bloombergなどの投資家との億万長者投資家シンジケートファンドである、Breakthrough Venturesから支援を受けました。技術は進歩していますが、農業部門は、デジタル化に関連する生産性の向上に関して、石油やガス、さらには政府などの部門よりもかなり遅れています。農業では、実験の長いサイクル、農村地域での接続性の問題、気象遺伝学、栄養、水の入手可能性、土壌組成などに影響される複雑なシステムにより、デジタル化がより困難になりました。

デジタル化に対する摩擦

McKinseyの調査によると、農家にとって、GPS自動ステアリングは新技術の魅力的な用途のリストのトップであり、88％が魅力的だと感じています。農家はまた、種子、水、肥料、その他の土壌改良の適切な組み合わせの決定、および予測的メンテナンスなど、インプットのさまざまな適用を好みました。比較的わずかな修正で既存の運用に統合できるこれらのツールとテクノロジーは、完全な電気機器または完全自動化機器への移行など、全体の再設計が必要なものよりも魅力的であるとエンドカスタマーに認識されました。

農家は主に仕事の効率性の向上に関心があり、報奨金はさらに高い収穫量を持つことです。調査では、過剰使用の追加コストが主な懸念事項であり、主に必要なときに機器の可用性を心配していることが示されました。さらに、ピアツーピアレンタルへの関心も低いです。農家はすでにブランドの集中度が高く、所有しているブランドの数が少ない傾向があり、また機器を使用して生成されるデータを制御したいと考えていました。

テイクホームメッセージ

ただし、GPS自動ステアリング、入力の可変アプリケーション、農場管理ソフトウェアへの接続などのユースケースに関しては、OEMより上位のハイテク企業を信頼できるプロバイダーとしてランク付けしたフレーマーが増えました。OEMは従来、ハードウェア生産開発の最前線にいました。但し、ハードウェアからソフトウェアへの価値の移行に伴い、OEMはデジタル機能を拡張し、顧客にエコシステムを提供する必要があります。これは、顧客により良いサービスを提供するために提携できるエンティティの集まりです。最も重要なことは、OEMが懸念事項を理解し、改善するために、顧客の意思決定の過程を深く理解する必要があることです。