Article by: MEGA Tech Magazine
ผ่านมาร่วมครึ่งปีที่ทั่วโลกต้องเผชิญอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันไป สำหรับภาคอุตสาหกรรม แน่นอนทีเดียวว่ามีตัวเลขความเสียหายไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนของโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตของประเทศ ก็ยังคงดำเนินต่อไป ดังเช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนพัฒนาในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
เม็ดเงินลงทุน 1.6 ล้านล้านบาท เริ่ม 2563 สิ้นสุด 2567
โดยมี 4 MEGA Project ซึ่งมีเม็ดเงินการลงทุนรวมทั้งหมดกว่า 1.6 ล้านล้านบาท กำลังเริ่มดำเนินการก่อสร้างทั้ง โครงการการขยายโรงกลั่นน้ำมันมูลค่า 730,000 ล้านบาท โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินมูลค่า 200,000 ล้านบาท โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออกมูลค่า 330,000 ล้านบาท และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 มีมูลค่า 350,000 ล้านบาท โดยโครงการขยายโรงกลั่นจะเริ่มตั้งแต่กลางปีนี้ ตามด้วยโครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการพัฒนาสนาบินอู่ตะเภา และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง โดยทั้งหมดคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณภายในปี พ.ศ.2567
EEC แรงงานขาด 4.7 แสนอัตรา
ในขณะที่ตัวเลขการประมาณการความต้องการบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกปี 25562-2566 เพื่อรองรับความต้องการของ 10 กลุ่มอุตสาหกรรม อยู่ที่ 475,668 อัตรา นั้น แล้วภาครัฐจะดำเนินการอย่างไรกับโจทย์นี้
นิตยสาร MEGA Tech ฉบับนี้ ได้มีโอกาสเข้าพบเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในแง่มุมของผู้ที่ขับเคลื่อนการผลิตและพัฒนาบุคลกร 2 ท่าน นั่นคือ คุณณรงค์ แผ้วพลสง เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กระทรวงศึกษาธิการและคุณพรศักดิ์ พงศกรวาณิช (ประธาน อ.กรอ. อศ.) รองประธานคณะทำงานเพื่อการพัฒนาบุคลากรงานเชื่อม EEC-HDC และกรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์.พี.เอส. ซัพพลาย จำกัด
เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)
กระทรวงศึกษาธิการ
คุณณรงค์ ได้ให้ตัวเลขของปริมาณความต้องการบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ปี พ.ศ. 2562-2566 จาก 10 กลุ่ม ขอหยิบยกมา 4 กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโลหะการ ประกอบด้วย ยานยนต์แห่งอนาคต, หุ่นยนต์อัตโนมัติ, อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และระบบโลจิสติกส์ ทั้งหมด อยู่ที่ 155,817 อัตรา
สอศ. ขับเคลื่อนทั้งมิติปริมาณและคุณภาพ
คุณณรงค์ กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าบุคลากรทางด้านอาชีวศึกษามีความต้องการมากเป็นอันดับ 1 จึงเป็นโจทย์ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยหากมองในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต บุคลากรที่มีความชำนาญหรือที่เรียกว่าเป็นช่างฝีมือ อาทิ บุคลากรทางด้านแมคคาทอรนิกส์ แม่พิมพ์ เชื่อมโลหะ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องกลโรงงาน ก็ยังขาดอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็วางแผนและพัฒนาไปพร้อมกันทั้งองคาพยพของอาชีวศึกษาด้วย ดังนั้น กลยุทธ์ในการขับเคลื่อนการพัฒนาบุคลากรนั้น ต้องควบคู่กันไปทั้งทางด้านเชิงปริมาณและคุณภาพ กล่าวคือ
ในมิติด้านปริมาณ พบว่าขณะนี้จำนวนผู้ที่มีความสนใจในการเข้าเรียนอาชีวะมีอยู่ประมาณ 30% เมื่อเทียบกับการศึกษาระดับปริญญาตรี ซึ่งหากมองภาพประเทศทางด้านอุตสาหกรรม ดังเช่น เยอรมนีอยู่ที่ 70% ซึ่งกลับมีสัดส่วนที่แตกต่างกัน เมื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุพบว่า ส่วนหนึ่ง คือ ภาพลักษณ์และมุมมองของผู้ปกครองและสังคมที่ยังไม่เชื่อมั่นแนวทางของอาชีวศึกษา ทางเราก็มีการขับเคลื่อนเพื่อให้มีการเพิ่มจำนวนผู้เรียนมากขึ้น
คุณณรงค์ กล่าวต่อว่า สำหรับการขับเคลื่อนในมิติคุณภาพนั้น สศอ. มีการดำเนินการมาระยะหนึ่งและจะดำเนินการต่อไปอย่างเข้มข้น ภายใต้โครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการ ศูนย์กลางการเรียนรู้ที่เป็นเลิศ หรือ Excellent Center ใน 7 เรื่องด้วยกัน โดยไล่เรียงจากสิ่งที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการผลิต กล่าวคือ เรื่องที่ 1 การสร้างความเข้มข้นสำหรับการดำเนินงานทางด้านทวิภาคี โดยมุ่งเป้าให้บริษัทผู้ประกอบการมีการรับนักศึกษาเข้าไปเรียนรู้งานตามแนวปฏิบัติของข้อตกลงให้มากขึ้น
ต่อมาเรื่องที่ 2 Excellent ในพื้นที่ EEC ซึ่งเป็นการยกระดับการต่อยอดในลักษณะของการเรียนรู้งานกับบริษัทต่างประเทศ และโครงการสนับสนุนวิทยาลัยที่อยู่ในเขต EEC โดยครอบคลุมวิททยาลัยภาคพื้น 3 จังหวัดหลักและ 5 จังหวัดรอง คือ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี ปราจีนบุรี นาครนายน ตราด และสระแก้ว เรืองที่ 3 คือ Excellent สารพัดช่างทั้งหมด 10 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยเปิดเป็นการเรียนการสอนระยะสั้น สำหรับผู้ที่สนใจพัฒนาตนเอง พัฒนาฝีมือ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่หลักสูตร 3 สัปดาห์- 3 เดือน ซึ่งเปิดรับในทุกวิทยาลัยของประเทศไทย
องประธานคณะทำงานเพื่อการพัฒนาบุคลากรงานเชื่อม EEC-HDC
กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์.พี.เอส. ซัพพลาย จำกัด
คุณพรศักดิ์ กล่าวเสริมในเรื่องนี้ว่า มาตรการเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่เรามีการผลักดันอย่างเร่งด่วนกับภาวการขาดแคลนที่เกิดขึ้น และสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดที่จะเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพมากขึ้นอีกด้วย
คุณณรงค์ กล่าวต่อถึงเรื่องที่ที่ 4 ว่าเป็นการยกระดับสาชาวิชาชีพที่วิทยาลัยเปิดดำเนินการสอนอยู่แล้ว ด้วยการสนับสนุนงบประมาณ อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุณภาพมากขึ้น เช่น สาขาช่างเชื่อม สาขาอากาศยาน ระบบราง แมคคาทอรนิกส์ เกษตรแนวใหม่ เป็นต้น เรื่องที่ 5 เพิ่มอาชีวะฐานวิทย์ โดยดำเนินการจัดระบบใหม่ภายใต้วิทยาลัยที่เลือกสรร 13 วิทยาลัย เพิ่มห้องที่มีการเรียนการสอนในแนวฐานวิทย์ตามที่กำหนด สำหรับเรื่องที่ 6. ใช้ Strategic Allianz หรือการบริหารทรัพยากรร่วมกัน สำหรับวิทยาลัยที่ต่างก็มีจุดเด่นจุดด้อยที่จะสามารถแลกเปลี่ยนและพัฒนาร่วมกัน เพื่อเสริมให้มีความแข็งแกร่งร่มกัน และเรื่องที่ 7 คือ การยักระดับวิทยาลัยทั้งจังหวัด เช่น การยกจังหวัดภูเก็ตให้เป็นเมือง Excellent ทางด้านการบินที่จัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อยู่ในชั้นแนวหน้า เป็นต้น
อาร์.พี.เอส พัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่แผนงานของภาครัฐมีการขับเคลื่อนอย่างชัดเจนนั้น ในด้านของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมก็สนับสนุนในการขับเคลื่อนของภาครัฐอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง ในเรื่องนี้ คุณพรศักดิ์ เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างต่างๆ ของ EEC ที่เกิดขึ้นเป็นการส่งผลดีกับทางเราเป็นอย่างยิ่ง ถือเป็นการสร้างงาน และกระตุ้นเศรษฐกิจอีกด้วย
สำหรับการสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรกับทางภาครัฐ ทางบริษัท อาร์.พี.เอส. ซัพพลาย จำกัด มีการเปิดรับนักศึกษาระดับอาชีวศึกษาในด้านช่างเชื่อมมาตั้งแต่ พ.ศ. 2558 มาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยมุ่งเป้าเพื่อที่จะให้นักศึกษาได้เรียนรู้งานด้วยการปฏิบัติจริง สร้างประสบการณ์ที่หลากหลาย พร้อมกันนี้ เราก็สนับสนุนทั้งค่าตอบแทน ที่พักและให้การดูแลเป็นอย่างดี อีกทั้ง ทางบริษัทฯ ยังให้การสนับสนุนการจัดการแข่งขัน World Skill ซึ่ง จัดโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และการแข่งขันที่ทางบริษัทจัดขึ้นในงาน INTERMACH ซึ่งเป็นการสนับสนุนด้านอุปกรณ์และเครื่องมือ และงบประมาณด้านงานเชื่อม ซึ่งทั้ง 2 โครงการก็ดำเนินงานมาแล้วหลายปี
อีกประเด็นที่เราดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ การพัฒนาพนักงานด้วยการฝึกอบรมภายใน และส่งไปเรียนรู้ภายนอก เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าเรื่องของการเชื่อม หรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับของทางบริษัท มีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เราไม่สามารถที่จะใช้ความรู้เดิมๆ เพื่อสนับสนุนดูแลและให้บริการลูกค้าของเราได้ ดังนั้น เราจึงให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง
คุณณรงค์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ความร่วมมือกันของผู้ประกอบการ และการดำเนินงานของ สอศ. ที่กำลังขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน ทั้งรูปแบบเร่งรัดระยะสั้นและโครงการระยะยาว ซึ่งมองว่าการดำเนินการอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องจะให้สามารถผลิตบุคลากรเพื่อป้อนเข้าสู่ความต้องการของภาคผู้ประกอบการได้อย่างแน่นอน
จะเห็นได้ว่าในวิกฤติที่ต้องเผชิญร่วมกันกับโควิด-19 ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไร และภาวะแรงงานขาดตลาดนี้ การลงทุนของภาครัฐที่กำลังเกิดขึ้นถือเป็นโอกาส เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ปรับตัวอย่างเร่งด่วนในช่วงนี้ โดยเฉพาะเรื่องการฝึกฝีมือ การพัฒนากำลังคนในองค์กร ให้มีความพร้อมในการเข้าเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าไปดำเนินการแต่ละโครงการ ดังนั้น ได้เวลาที่เราต้องกลับมาทบทวนว่า เราจะสร้างความพร้อมเพื่อรับและฉกชิงโอกาสนี้ได้อย่างไรบ้าง???