“บทพิสูจน์อันท้าทายของไทยสากล กรุ๊ปกับการพลิกโฉมอุตสาหกรรมไทยด้วยเทคโนโลยี Additive Manufacturing”
คุณปณิธาน กอบกุลสุวรรณ ผู้อำนวยการ บริษัท ไทยสากล กรุ๊ป จำกัด นักบริหารหนุ่มวิสัยทัศน์ไกลได้กล่าวถึงมุมมองทางด้านอุตสาหกรรม 4.0 ที่กำลังเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในประเทศไทยว่า “ณ วันนี้ Industry 4.0 กำลังเป็นแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ผสานงานร่วมกันก่อให้เกิดประสิทธิภาพการผลิตที่เหนือกว่าอย่างสิ้นเชิง ประเทศไทยเองกำลังอยู่ในระยะเริ่มต้นที่กำลังพัฒนาโดยจะพบว่าในปีที่ผ่านมาเราจะเริ่มเห็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น ระบบออโตเมชั่น Robot, System Integration (SI) หรือระบบ Cloud เป็นต้น แต่ความน่าสนใจในอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่อาจมีอิทธิพลและกลายเป็น Game Changer ที่สร้างผลกระทบและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการผลิตของโลกได้นั่นคือ เทคโนโลยี Additive Manufacturing”
ทำไมต้องเป็นเทคโนโลยี Additive Manufacturing
“ไทยสากลกำลังมองไปถึงเทคโนโลยีที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงอีก 50 ปีข้างหน้า ซึ่งเทคโนโลยี 3D Printing แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีความน่าสนใจและมีแนวโน้มว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการผลิตโลกได้ในอนาคตอันใกล้” ทั้งนี้คุณปณิธานได้อธิบายเพิ่มเติมถึงจุดเด่นที่ทำให้เทคโนโลยีนี้มีประโยชน์อย่างมหาศาลโดยแบ่งเป็น 5 ส่วนหลักๆ อันได้แก่
1. Zero Tooling: ภาคการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จำเป็นต้องใช้ Tooling จำนวนมากและหลากหลาย ซึ่งแต่ละชิ้นมีมูลค่าสูงเป็นหลักล้าน และใช้เวลาเป็นเดือนในการผลิตดังนั้นหากต้องการเปลี่ยนโมเดลรถยนต์รุ่นใหม่แต่ละรุ่น จำเป็นต้องใช้ต้นทุนสูงและระยะเวลานานต่อการผลิตโมเดลใหม่ทุกครั้ง แต่ด้วยเครื่อง Metal 3D Printer จะทำให้เราข้ามขั้นตอนและไม่จำเป็นต้องใช้ Tooling แต่อย่างใด ผู้ผลิตสามารถผลิตชิ้นส่วนแบบต่างๆ เพียงแค่การเปลี่ยนดีไซน์ Drawing file ในขณะที่ยังสามารถใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ตัวเดิม ซึ่งจะสามารถลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมากในระยะยาว
2. No economies of scale: กระบวนการผลิตในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น Casting, stamping, injection molding จำเป็นจะต้องมีปริมาณการผลิตที่สูงพอเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุน แต่ระบบการผลิตกำลังจะถูกท้าทายจาก Metal 3D Printer จากการผลิตเยอะเพื่อให้ต้นทุนต่ำ กำลังจะกลายเป็นผลิตเท่าไหร่ก็ได้ในต้นทุนที่เท่ากันทุกชิ้นตั้งแต่ชิ้นแรกที่เริ่มผลิตชิ้นงาน
3. Parts and weight reduction: Metal 3D Printer สามารถช่วยลดจำนวนชิ้นส่วนที่ผลิตได้ เช่น ชิ้นส่วน private jet ที่หากผลิตด้วยวิธีการในปัจจุบันอาจต้องอาศัยส่วนประกอบจากชิ้นส่วนนับร้อยนับพันชิ้น แต่ด้วยการผลิตของ 3D Printer จะสามารถผลิตชิ้นงานประกอบกันในตัวได้ในกระบวนการ Print (Consolidation of assemblies) ซึ่งอาจเหลือส่วนประกอบเพียงหนึ่งถึงหลักสิบชิ้นเท่านั้น ผลดีตามมาก็คือน้ำหนักของชิ้นส่วนลดลง Supporting parts ก็ไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่หรือน้ำหนักมาก นอกจากนี้ยังสามารถสร้าง Lattice structure ซึ่งช่วยลดการใช้ Material อย่างน้อย 30%
4. Freedom of design: ออกแบบชิ้นส่วนได้อย่างอิสระทั้งโครงสร้างภายในและภายนอกโดยไม่จำเป็นต้องคำนึงว่าเครื่องจักรสามารถผลิตและประกอบชิ้นงานได้หรือไม่เหมือนกับการใช้เครื่องจักรรุ่นเดิมๆ เช่นการออกแบบ Conformal cooling channels ใน Mold inserts ที่วิธีการผลิตอื่นทำไม่ได้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ Mold inserts ซึ่งการออกแบบชิ้นส่วนได้อย่างอิสระจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมสามารถพัฒนาด้าน R&D ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
5. Warehouse in the cloud: บริษัทผู้ผลิตต่างๆที่มีสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วโลกนั้นไม่จำเป็นต้องมีการเก็บ Spare parts ในแต่ละสาขาอีกต่อไปเพราะชิ้นงานจะอยู่ในรูปแบบของ Drawing Part ที่สามารถดาวน์โหลดได้ทันทีผ่านระบบ Cloud และสามารถผลิตชิ้นงานได้ทุกรูปแบบ ภายในเครื่องเดียวทันทีเมื่อลูกค้าสั่ง (On-demand print)

Director
Thaisakol Group Co.,Ltd.
คุณปณิธานได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “ณ วันนี้ ทางไทยสากล กรุ๊ปได้นำนวัตกรรมจากบริษัท Start up ชั้นนำระดับโลกภายใต้ชื่อ Desktop Metal ที่รวบรวมนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญระดับสูงทางด้าน3D Printing จากสถาบัน MIT โดยการสนับสนุนลงทุนมหาศาลจากบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่าง Google Venture, BMW, GE, NEA, KPCB และ LUX เป็นต้น ซึ่งเข้ามาปฏิวัติวงการ Metal 3D Printer โดยนำเสนอเครื่อง Metal 3D Printing ที่ถูกกว่าในตลาด 10 เท่าและผลิตชิ้นงานได้เร็วกว่า 100 เท่า เพียงพอที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตให้กับหลายๆ อุตสาหกรรม และทำให้ Metal 3D Printer จาก Desktop Metal กลายเป็นเครื่องแรกของโลกเพื่อการผลิตชิ้นงานในระดับ Mass Production” ร่วมพิสูจน์นวัตกรรมระดับโลกนี้ซึ่งทางไทยสากล กรุ๊ปจะทำการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียนภายในงานอินเตอร์แมค 2018 ในวันที่ 16-19 พฤษภาคม 2018 ณ ไบเทค บางนา ทางเข้า Hall 101 Booth T2