“ด้วยประสบการณ์กว่า 60 ปีในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ TBTS เป็นหนึ่งในผู้นำการสร้างโซลูชั่นเพื่อการตรวจวัดกระบวนการผลิตครบวงจรที่ได้รับความเชื่อถือจากบริษัทญี่ปุ่นชั้นนำอย่างมากมาย”
บริษัท ทีบีทีเอส (ไทยแลนด์) จำกัด คือหนึ่งในบริษัท TOKYO BOEKI TECHNO-SYSTEM LTD. สำนักงานใหญ่ ณ ประเทศญี่ปุ่น ผู้นำทางด้านเทคโนโลยีการตรวจวัด 3 มิติในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างแพร่หลายที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 60 ปีในประเทศญี่ปุ่น พร้อมการดูแลและให้บริการลูกค้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ปีที่ผ่านมา คุณเอกชัย ศรีปัญญานุช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีบีทีเอส (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยวิสัยทัศน์ประกอบกับความมุ่งมั่นในการให้บริการลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาขยายกิจการในประเทศไทยเมื่อ 10 ปีก่อน ทำให้บริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่นได้จัดตั้ง บริษัท ทีบีทีเอส (ไทยแลนด์) จำกัด ขึ้นในประเทศไทยเมื่อปี 2006 ซึ่งทีมงานของเราจำเป็นต้องได้รับการอบรมและเรียนรู้ทั้งทางด้านภาษาญี่ปุ่น วิธี เทคนิคการทำงาน และสั่งสมประสบการณ์ ณ บริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่นทุกคน ซึ่งทำให้วิศวกรและพนักงานทุกคนของเราสามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ ทุกคนจึงสามารถร่วมงานกับลูกค้าชาวญี่ปุ่นได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยสื่อกลางซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน มีแนวทางการทำงานทั้งการให้บริการ การติดตั้งเครื่องมือ วิธีการหาเครื่องมือที่เหมาะสมที่สุดกับลักษณะการทำงานของลูกค้า การสอบเทียบเครื่องมือ การวางระบบมีรูปแบบที่ชัดเจนตามมาตรฐานการทำงานของชาวญี่ปุ่น และความรู้ความเชี่ยวชาญในการดูแลและให้บริการลูกค้าได้เป็นอย่างดีเทียบเท่ากับบริษัทแม่ ดังนั้นปัจจุบันที่นี่จึงกลายเป็นศูนย์กลางการดูแลและให้บริการลูกค้าในกลุ่มภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ และออสเตรเลียและกำลังขยายไปยังประเทศอื่นๆตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางหลักของภูมิภาคดังกล่าว” ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ TBTS ได้รับความไว้วางใจจากเหล่าลูกค้าในแวดวงอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง

Managing Director
TBTS (Thailand)
พัฒนาและหาโซลูชั่นการทำงานที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
นอกจากความโดดเด่นในการให้บริการลูกค้าในอุตสาหกรรม ทาง TBTS ยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง อาทิ Horizontal Arm CMM ทั้งระบบ Manual ระบบ Automatic (CNC) และแบบ Portable CMM Arm ในชื่อ VECTORON จาก KOSAKA Laboratory ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย คุณเอกชัยได้กล่าวเสริมว่า “ด้วยประสบการณ์ในแวดวงการตรวจวัดมากว่า 60 ปีจึงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ของค่ายญี่ปุ่นที่ได้รับความไว้วางใจ ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้งานในประเทศญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกส่วนหนึ่งเกิดจากความมั่นใจในคุณภาพสินค้า ความแม่นยำในการตรวจวัดและการให้บริการที่เป็นไปตามมาตรฐานที่ญี่ปุ่นต้องการ นอกจากนี้เรายังมีผลิตภัณฑ์จากแบรนด์พันธมิตรของเราเพื่อขยายการให้บริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าอาทิเช่น Optical Camera Scan COMET system จาก Carl ZEISS และ Leica Laser Tracker จาก Hexagon ร่วมกับการนำซอฟท์แวร์ Polyworks มาใช้ในการควบคุมการทำงานของระบบเพื่อให้สามารถทำให้เป็นระบบกึ่งอัตโนมัติ หรืออัตโนมัติตามที่ลูกค้าต้องการได้ด้วยการเขียนโปรแกรมเพิ่มเติมเข้าไปซึ่งทีมงานของเรามีความรู้ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเป็นอย่างดี ทำให้สามารถดูแลลูกค้าได้อย่างเต็มที่และรวดเร็ว และเรายังมีประสบการณ์ในการตรวจวัดเฉพาะทางที่ทำเป็นพิเศษขึ้นมาเฉพาะตามความต้องการของลูกค้า เช่นการตรวจวัดช่องว่าง Gap-Level ของการประกอบชิ้นส่วนยานยนต์ในสายการผลิต จากการประยุกต์และพัฒนาซอฟท์แวร์ตรวจสอบการผลิตขึ้นเองโดยทีมงานคนไทย ซึ่งมีศักยภาพสูงจนได้รับความไว้วางใจจากทางสำนักงานใหญ่ที่อนุญาตให้เราสามารถพัฒนาระบบการตรวจวัด Inline ที่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก และต้องสามารถแก้ไขปัญหาต่างได้อย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมงได้ด้วยตัวเอง” ซึ่งสิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพของทีมงานคนไทยที่มีศักยภาพอย่างมากจนได้รับความไว้วางใจจากทางสำนักงานใหญ่ นอกจากนี้ทาง TBTS ยังมีผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นที่พร้อมให้การบริการและคำปรึกษามาประจำที่ประเทศไทย เพื่อให้การดูแลและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าชาวญี่ปุ่นทุกคน
ก้าวให้ทันโลกอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
คุณเอกชัยได้กลัวทิ้งท้ายถึงวิสัยทัศน์ที่มีต่ออุตสาหกรรมแห่งอนาคตว่า “ณ วันนี้เครื่องมือวัดในปัจจุบันไม่ใช่ทำหน้าที่เพียงเพื่อตรวจสอบคุณภาพให้กับชิ้นงานเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่คือการรวบรวมข้อมูลการผลิตทั้งกระบวนการในรูปแบบของจุดคลาวด์เพื่อการวัดวิเคราะห์ประมวลผลด้านอื่นๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากไม่ใช่เฉพาะด้าน QA QC เท่านั้น ซึ่งข้อมูลการผลิตเหล่านี้จะเป็นจุดสำคัญที่อาจจะทำให้คุณค้นพบจุดบกพร่องในกระบวนการผลิต นำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขและหาวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในรูปแบบต่างๆ หรือการหาสภาวการณ์ใช้ทำงานที่เหมาะสมของอุปกรณ์ และความเข้าใจถึงปัญหาและวิธีการแก้ปัญหาที่ได้มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆนั้นจะเปลี่ยนกลับมาเป็นความรู้ (Knowhow) ให้กับบุคลากรทางด้านการผลิตมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถตีเป็นมูลค่าการประหยัดต้นทุนได้อย่างมหาศาลโดยอาจไม่คาดคิดมาก่อน ดังนั้นในอนาคตระบบการตรวจวัดจะเข้ามามีบทบาทและมีความสำคัญอย่างมากไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการผลิตชิ้นงาน ซึ่งการก้าวให้ทันการพัฒนาเทคโนโลยีอาจช่วยให้คุณสามารถผลิตชิ้นงานให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ประหยัด และคุ้มค่ามากที่สุดก็เป็นได้”