อาเซียนมีสถานภาพที่ได้เปรียบที่จะใช้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการค้าโลก ว่าไปแล้ว ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ธุรกิจนานาชาติได้เริ่มย้ายฐานการผลิตและการสรรหาวัตถุดิบมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น เหตุผลหนึ่งก็คือความได้เปรียบด้านต้นทุนอย่างท่วมท้นของจีนในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นเริ่มลดน้อยลงตั้งแต่เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วในขณะที่ประเทศพัฒนาอย่างรวดเร็ว ตามดัชนีความสามารถในการแข่งขันต้นทุนการผลิตทั่วโลกของ BCG พบว่า ในขณะที่การผลิตในจีนยังคงถูกกว่าในสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นในหลายอุตสาหกรรม ต้นทุนการผลิตในอินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซียต่ำกว่าในจีน 10% ถึง 14%

รายได้ในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วโลกมีมูลค่า 1,028.00 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2523 และตลาดคาดว่าจะเติบโตปีละ 2.3% (CAGR 2023 – 2028) ส่วนแบ่งตลาดที่ใหญ่ที่สุดของตลาดคือโทรศัพท์ โดยมีปริมาณ 498.30 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2023 เมื่อเปรียบเทียบทั่วโลก รายได้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศจีนที่ 228.30 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2023 เมื่อพิจารณาตัวเลขจำนวนประชากรทั้งหมดในโลก จะได้ว่ารายได้ต่อคนอยู่ที่ 133.80 เหรียญสหรัฐในปีเดียวกัน และในปี 2023 ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าพบว่า 45.9% ของรายได้ทั้งหมดมาจากการขายออนไลน์ คาดการณ์ว่า ปริมาณการขายจะอยู่ที่ 8,974.00 ล้านชิ้นภายในปี 2028 ส่วนในปี 2024 คาดว่าจะมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 1.3% ทั้งนี้ปริมาณการขายเฉลี่ยต่อคนในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าคาดว่าจะอยู่ที่ 1.08 ชิ้นในปี 2023

รายได้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในอาเซียน มีมูลค่า 55.28 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2023 และคาดว่าตลาดจะเติบโตปีละ 1.12% (CAGR 2023 – 2028) โดยส่วนแบ่งที่สุดของตลาดคือภาคโทรศัพท์ที่ 30.12 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2023 เมื่อเปรียบเทียบกับทั่วทั้งโลก รายได้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศจีนโดยมีมูลค่า 228.30 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีและสร้างรายได้ต่อคนที่ 71.07 เหรียญสหรัฐ ในปี 2023 โดยคาดว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าจะเติบโต 1.4% ในปี 2024 และจะมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 646.90 ล้านภายในปี 2028 ยิ่งไปกว่านั้นคาดว่าจำนวนอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่อคนในภูมิภาคอาเซียนจะอยู่ที่ 0.77 ชิ้น ในปี 2023

ตลาดขนาดมหึมาของอาเซียน มีประชากรรวม 685 ล้านคน และ nominal GDP 3.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เป็นอีกหนึ่งแรงดึงดูดfอันทรงพลัง มากกว่าสองในสามของประชากรในภูมิภาคนี้อยู่ในวัยทำงาน และคาดว่าจำนวนครัวเรือนที่มีรายได้ปานกลางและร่ำรวยจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5% ต่อปีไปจนถึงสิ้นทศวรรษนี้ ความหลากหลายทางเศรษฐกิจของอาเซียนเป็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ที่ส่งแสริมและพลักดันให้ภูมิภาคนี้เป็นผู้ผลิตที่สำคัญในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เกษตรกรรม เหมืองแร่ สินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมหนัก บริการเทคโนโลยี และเซมิคอนดักเตอร์ จากข้อมูลของ BCG’s How ASEAN Can Use Its Trade Advantage to Power Ahead อาเซียนคิดเป็น 17% ของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค 12% ของเครื่องแต่งกาย และ 9% ของผลิตภัณฑ์ยานยนต์ทั่วโลก

         ในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า พบว่าอาเซียนส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคประมาณ 230 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี บริษัท Foxconn, Ricoh, Quanta Computer, HP, Dell และ Fitbit ต่างเป็นหนึ่งในบริษัทระดับโลกที่ย้ายฐานการผลิตบางส่วนไปยังเวียดนามและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่น ๆ เพื่อกระจายห่วงโซ่อุปทานของพวกเขาหรือหาแหล่งแรงงานที่มีการศึกษาใหม่ ๆ แต่มีต้นทุนต่ำกว่า อย่างไรก็ดีโรงงานในภูมิภาคอาเซียนล้วนพึ่งพาวัสดุและส่วนประกอบ จากจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ขั้นตอนต่อไปสำหรับอาเซียนคือการสร้างรากฐานอุปทาน เช่น วัสดุ ส่วนประกอบ การวิศวกรรม และภาคส่วนอื่นๆ ในห่วงโซ่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม การสร้างและพัฒนาฐานอุปทานนั้น ล้วนแต่ต้องใช้เวลาและอาศัยการฝึกอบรมเป็นเวลายาวนาน

         บริษัทรากฐานมั่นคงและเป็นที่รู้จัก เช่น Apple, Samsung, Huawei และ Sony ครองตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค บริษัทเหล่านี้ครองตลาดในประเภทผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน โทรทัศน์ เครื่องใช้ในบ้าน และคอนโซลเกม อย่างไรก็ตาม แต่ผู้เล่นหน้าใหม่กำลังได้รับความสนใจในตลาด โดย Xiaomi เป็นตัวอย่างที่สำคัญ โดยเป็นที่รู้จักในด้านสมาร์ทโฟนเป็นหลักก้าวหน้าที่โดดเด่นในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี เช่น Google และ Meta กำลังก้าวไปสู่โลกเสมือนจริงและความจริงเสริม ซึ่งกลายเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ของตลาดโดยรวม ด้วยเหตุนี้ การแข่งขันในตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคจึงทวีความรุนแรงขึ้น โดยมีผู้เล่นทั้งทีเจนเวทีและผู้เล่นหน้าใหม่เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดและความสนใจของผู้บริโภค คาดการณ์ว่าแนวโน้มหลายปัจจัยจะกระตุ้นให้ตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคเติบโตต่อไป รวมถึงการเกิดขึ้นของเครือข่าย 5G ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของบ้านอัจฉริยะ และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีความจริงเสริมและความจริงเสมือน แนวโน้มเหล่านี้ถูกกำหนดให้เปลี่ยนโลกให้โลกกลายเป็นดิจิทัลมากขึ้นและเชื่อมโยงถึงกัน สร้างโอกาสมากมายสำหรับตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคในการขยายตัว  และด้วยเหตุนี้เอง ตลาดนี้จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากการพัฒนาเหล่านี้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor]

ASEAN is well positioned to capitalize on the rebound in global trade. Before the COVID-19 pandemic and Russia’s invasion of Ukraine, international businesses had begun moving more manufacturing and sourcing to Southeast Asia. One reason is that China’s once overwhelming cost advantage in labor-intensive industries began to wane around a decade ago as the nation rapidly developed. According to BCG’s Global Manufacturing Cost Competitiveness Index, while manufacturing in China remains significantly cheaper than in the EU, US, and Japan in many industries, direct manufacturing costs in Indonesia, Thailand, and Malaysia are 10% to 14% lower than in China.

          On the global stage, revenue in the worldwide consumer electronics market amounts to USD 1,028.00 billion in 2023, and the market is expected to grow annually by 2.3% (CAGR 2023 – 2028). The market’s largest segment is telephony, with a volume of USD 498.30 billion in 2023. In global comparison, most revenue is generated in China at USD 228.30 billion in 2023. Concerning total population figures, per-person revenues of USD 133.80 were generated in 2023. In the consumer electronics market, 45.9% of total revenue will be generated through online sales in 2023, the volume is expected to amount to 8,974.00 million pieces by 2028, and the market is expected to show a volume growth of 1.3% in 2024. In addition, the average volume per person in the consumer electronics market is expected to amount to 1.08 pieces in 2023.

In ASEAN, the revenue in the consumer electronics market amounts to USD 55.28 billion in 2023, and the market is expected to grow annually by 1.12% (CAGR 2023 – 2028). The market’s largest segment is Telephony, with a market volume of USD 30.12 billion in 2023. In global comparison, most revenue is generated in China, with USD 228.30 billion in 2023. Concerning total population figures, per-person revenues of USD 71.07 will be developed in 2023. In the consumer electronics market, volume is expected to reach 646.90 million by 2028. The consumer electronic market is expected to grow by 1.4% in 2024. The average volume per person in the consumer electronics market will amount to 0.77 pieces in 2023.

ASEAN’s colossal market, with a combined population of 685 million and nominal GDP of USD 3.6 trillion, is another powerful attraction. More than two-thirds of the region’s population is working age, and the number of middle-income and affluent households is projected to grow by around 5% annually for the rest of the decade. ASEAN’s economic diversity is a further strategic advantage. The region is a significant producer in sectors as varied as agriculture, mining, consumer goods, heavy industries, technology services, and semiconductors. According to BCG’s How ASEAN Can Use Its Trade Advantage to Power Ahead, ASEAN accounted for 17% of consumer electronics,12% of apparel, and 9% of automotive products globally.

Considering the consumer electronics market, ASEAN exports around USD 230 billion in consumer electronics annually. Foxconn, Ricoh, Quanta Computer, HP, Dell, and Fitbit are among the global companies that have moved some production to Vietnam and other Southeast Asia to diversify their supply chains or tap new sources of educated but lower-cost labor. The region’s factories rely heavily on mainland China, Taiwan, South Korea, and Japan for most materials and components. The next step for ASEAN is to build local supply bases for materials, key components, engineering, and other parts of the consumer electronics value chain. Developing such a supply base, however, will require time and training.

          Established and well-known companies dominate the consumer electronics market, including Apple, Samsung, Huawei, and Sony. These companies dominate in various product categories, such as smartphones, televisions, home appliances, and gaming consoles. Nevertheless, emerging players are gaining traction in the market, with Xiaomi being a prime example. Known primarily for its smartphones, Xiaomi has been making notable progress in the industry. Additionally, tech giants such as Google and Meta are making strides in virtual and augmented reality, becoming increasingly significant components of the overall market. As such, the competition in the consumer electronics market is intensifying, with established and emerging players vying for market share and consumer attention. We anticipate that several trends will fuel further growth in the consumer electronics market, including the emergence of 5G networks, the surging popularity of smart homes, and advancements in augmented and virtual reality technologies. These trends are set to transform a world becoming increasingly digital and interconnected, creating many opportunities for the consumer electronics market to expand. As such, this market can benefit significantly from these developments in the coming years.

Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor]

ASEANは、世界貿易の回復を利用するのに適切な立場にあります。COVID-19のパンデミックとロシアのウクライナ侵攻の前に、製造業と調達業務を東南アジアに移す国際企業が増え始めていました。その理由の一つは、約10年前に、労働集約型産業における中国の圧倒的なコスト優位性が、国が急速に発展するにつれて衰え始めたことです。BCGのグローバル製造コスト競争力指数によると、中国での製造コストは多くの産業でEU、米国、日本よりも大幅に安いままですが、インドネシア、タイ、マレーシアの直接製造コストは中国よりも10%から14%低くなっています。

            世界的ブダイでは、世界の家電市場の収益は2023年に1兆280億ドルに達し、市場は毎年2.3％成長すると予測されています（CAGR 2023-2028）。市場最大のセグメントは電話で、2023年の取引額は4,983億ドルです。世界的に比較すると、ほどんどの収益は中国で、2023年に2,283ドル生み出されています。総人口に関して、2023年には一人当たり133.80ドルの収入が生成されました。家電市場では、2023年に総収益の45.9%がオンライン販売で生み出され、その額は2028年までに89億7,400万第に達すると予想されています。市場では2024年に1.3%の金額の増加が予想されています。さらに、家電市場の一人当たりの消費量は2023年には1.08台になると予想されています。

ASEANでは、2023年の家電市場の収益は552.8億であり、年間1.12％の成長を見込んでいます。(CAGR 2023 – 2028)　市場最大のセクターは電話通信で、2023年の市場規模は301.2億です。世界と比較すると、中国では最も収益が生まれており、2023年は2,283億でした。 総人口に関しては、2023年の一人当たりの収入は71.07ドルになると見込んでいます。家電市場では、2028年までに市場規模は6億4,690万ドルに達すると予測されています。家電市場は2024年には年間1.4%の成長を見込んでいます。2023年の一人当たりの平均購入量は、2023年は0.77台に達するでしょう。

ASEANの巨大市場は、人口は計6億8500万人、名目GDPは3.6兆ドルであり、もう一つの強力な魅力があります。地域の人口の2/3が労働者世代で、中間所得者数と富裕層はあと10年で毎年5％ずつ増加すると予測されています。ASEANの経済的多様性により、戦略的により優位になります。この地域は、農業、鉱業、消費財、重工業、技術サービス、半導体など、さまざまな分野の主要な生産地域です。BCGの「ASEANが貿易上の優位性を活用して前進する方法」によると、ASEANは世界の家電製品の17%、アパレルの12%、自動車製品の9%を占めています。

家電市場に関しては、ASEANは年間約2,300億ドルの家電を輸出しています。 Foxconn, Ricoh, Quanta Computer, HP, Dell, and Fitbit はサプライチェーンを多様化したり、研修を受けたが賃金が安い労働者を新しく雇用するために、生産の一部をベトナムやその他東南アジアに移したグローバル企業です。この地域の向上は、材料や部品のほとんどを中国、台湾、韓国、日本に大きく依存しています。ASEANの次のステップは、家電のバリューチェーンの材料、主要な部品、技術、その他の部分の現地供給拠点を築くことです。しかし、そのような今日kひゅう拠点を築くには、時間と研修が必要です。            

Apple、サムスン、ファーウェイ、ソニー等、確立した有名企業が家電市場を支配しています。このような企業は、スマートフォン、テレビ、家電、ゲーム機等の様々な分野を支配しています。それでも、新興企業が市場での牽引力を獲得しています。Xiaomi はその良い例です。Xiaomi はスマートフォンで主に知られており、業界では注目すべき進歩を遂げています。さらに、テクノロジー大手のGoogleやMetaは仮想現実と拡張現実で進歩を遂げており、市場全体のますます重要な要素になっています。そのため、家電市場の競争は激化し、マーケットシェアと消費者の注意を惹くことに関して争う新興企業が生まれます。5Gネットワークの出現、スマート家電の人気の高まり、拡張現実および仮想現実技術の進歩など、いくつかのトレンドが家電市場のさらなる成長を促進すると予想しています。これらのトレンドは、ますますデジタル化され相互接続される世界を変革し、家電市場が拡大する多くの機会を生み出すように設定されています。そのため、この市場は今後数年間でこれらの開発から大きな恩恵を受けられるでしょう

Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor]