ตลาดคอมโพสิตด้านการบินและอวกาศทั่วโลกมีมูลค่า 21.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 คาดว่าอุตสาหกรรมตลาดคอมโพสิตด้านการบินและอวกาศจะเติบโตจาก 24.12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 เป็น 67.70 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2032 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่ 13.77% ในช่วง ระยะเวลาคาดการณ์ (2023 – 2032) การใช้งานคอมโพสิตด้านการบินและอวกาศในภาคการบินและอวกาศกำลังเพิ่มขึ้นซึ่งนับเป็นปัจจัยขับเคลื่อนตลาดที่สำคัญที่จะส่งเสริมการเติบโตของตลาด

ตามรายงานการวิจัยตลาดของ Data Bridge Market Research คาดว่าตลาดการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานจะเติบโตที่ CAGR 4.50% ในช่วงพยากรณ์ (2023 – 2030) ซึ่งบ่งชี้ว่ามูลค่าตลาดจะพุ่งสูงถึง 1,265.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 เปรียบเทียบกับ 889.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 คาดว่าตลาดการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานจะเติบโตอย่างมากในช่วงพยากรณ์ เนื่องจากความต้องการเครื่องบินที่เบาขึ้น ทันสมัย และประหยัดพลังงานมาก ขึ้นเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คาดว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ฉนวนกันความร้อนจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตเร็วที่สุดในช่วงพยากรณ์เนื่องจากฝูงบินเครื่องบินที่เพิ่มขึ้นและรอบของการเปลี่ยนทดแทนและบำรุงรักษาชิ้นส่วนอากาศยาน

เอเชียแปซิฟิก (APAC) เป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกการบิน เนื่องจากปริมาณผู้โดยสารทางอากาศมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และสายการบินต่างๆ ก็เพิ่มขนาดฝูงบิน ตลาดสำหรับวัสดุคอมโพสิตด้านการบินและอวกาศในภูมิภาคจึงเติบโตขึ้น และคาดว่าจะเกิดการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาคาดการณ์ (2023-2028) ภูมิภาค APAC ครองตลาดและคิดเป็นส่วนแบ่งรายได้ 45.4% ในความต้องการคอมโพสิตทั่วโลกในปี 2022 อีกทั้งภูมิภาคนี้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ทำกำไรได้มากที่สุดสำหรับผู้ผลิตยานยนต์ การก่อสร้าง การบินและอวกาศ และอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีผู้ผลิตที่สำคัญเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่เช่น จีน อินเดีย และญี่ปุ่น

หากใช้ประเทศเป็นเกณฑ์ส่วนแบ่งการตลาดแล้ว จีนถือเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ใหญ่ที่สุด จีนเป็นหนึ่งในตลาดการบินที่เติบโตเร็วที่สุดทั่วโลก ในปี 2019 สนามบินพาณิชย์ในจีนรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 659 ล้านคน เทียบกับ 611 ล้านคนในปี 2018 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความต้องการการขนส่งทางอากาศในประเทศเพิ่มขึ้น จากข้อมูลของ IATA รายงานว่าจีนได้กลายเป็นตลาดการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาตั้งแต่ปี 2022 โดยมี แอร์ ไชน่า สั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส A350-900 จำนวน 20 ลำในปี 2019 และได้ทยอยส่งมอบจนแล้วสิ้นระหว่างปี 2020 – 2022

นอกจากนี้ ส่วนของการทหารในหลายประเทศในภูมิภาคกำลังจัดหาเครื่องบินรุ่นใหม่ที่มีองค์ประกอบเป็นวัสดุคอมโพสิตที่มากขึ้น เครื่องบินใหม่หลายลำที่พัฒนาโดยผู้ผลิตในภูมิภาคจะมีส่วนประกอบเป็นวัสดุคอมโพสิตที่สูงขึ้นมากขึ้น การบำรุงรักษาที่ลดลง อายุการใช้งานการออกแบบที่ยาวนานขึ้น ชิ้นส่วนน้อยลง และต้นทุนเครื่องมือและการประกอบที่ลดลงคือเหตุผลบางประการที่ผลักดันการนำวัสดุคอมโพสิตมาใช้ในการผลิตการบินและอวกาศ

คาดว่าส่วนแบ่งการตลาดเครื่องบินทหารจะถูกขับเคลื่อนโดยการเติบโตของการใช้วัสดุคอมโพสิตในชิ้นส่วนและส่วนประกอบต่างๆ ของเครื่องบินทหารรุ่นใหม่ วัสดุคอมโพสิตที่ใช้ในเครื่องบินทหารมีน้ำหนักเบา ทนทาน ทนต่อสารเคมี และทนทานต่ออุณหภูมิ การใช้วัสดุคอมโพสิตที่สำคัญคือการพัฒนาเครื่องบินล่องหนที่ใช้วัสดุคอมโพสิตที่ดูดซับเรดาร์เพื่อสร้างโครงสร้างของเครื่องบินส่วนใหญ่ ลามิเนตพลาสติกเสริมใยแก้วและคาร์บอนถูกนำมาใช้ในเครื่องบิน Lockheed Martin F-35 lightning II ในโครงสร้างต่างๆ เช่น ไม้กันโคลงแนวตั้ง ส่วนท้าย ปีก และผิวหนังของปีก ซึ่งคิดเป็นประมาณ 40% ของน้ำหนักเครื่องบิน ออสเตรเลียได้สั่งซื้อเครื่องบิน F-35 จำนวน 72 ลำสำหรับกองทัพของตน โดยในจำนวนนี้มีเครื่องบิน 13 ลำถูกส่งมอบเมื่อปี 2019 นอกจากนี้ HAL Tejas ซึ่งเป็นเครื่องบินรบพื้นเมืองที่พัฒนาโดยอินเดียเป็นส่วนประกอบวัสดุคอมโพสิตถึง 45% ( ส่วนใหญ่เป็นคาร์บอนอีพอกซี) โดยน้ำหนักในลำตัว ซึ่งทำให้เครื่องบินเป็นเครื่องบินขับไล่เหนือเสียงหลายหน้าที่ที่มีเบาที่สุดในระดับเดียวกัน ย้อนไปเมื่อ เดือนพฤษภาคม 2020 กองทัพอินเดียสั่งซื้อเครื่องบิน Tejas จำนวน 123 ลำในรูปแบบต่างๆ ดังนั้นการใช้วัสดุคอมโพสิตที่เพิ่มขึ้นในเครื่องบินทหารรุ่นใหม่และการจัดซื้อเครื่องบินดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นจึงกำลังผลักดันการเติบโตของภาคส่วนแบ่งการตลาดการทหาร

Article By: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor & MEGA Tech

According to the Data Bridge Market Research report, the aerospace part manufacturing market is expected to undergo a CAGR of 4.50% during the forecast period (2023 – 2030). This indicates that the market value would rocket to USD 1,265.41 million by 2023 compared with USD 889.81 million in 2022. The global aerospace parts manufacturing market is expected to grow significantly during the forecast period due to increasing demand for lighter, innovative, and efficient airplanes to reduce carbon emissions. The insulation segment is anticipated to be the fastest-growing product segment during the forecast period due to the growing airplane fleet and the periodic replacement and maintenance of aerospace parts.

The Global aerospace composites market was valued at USD 21.1 billion in 2022. The aerospace composites market industry is projected to grow from USD 24.12 billion in 2023 to USD 67.70 billion by 2032, exhibiting a compound annual growth rate (CAGR) of 13.77% during the forecast period (2023 – 2032). The presence of aerospace composites in the aerospace sector is increasing, and utilizing the uses of aerospace composites in unusual components is the key market driver enhancing market growth.

The Asia-Pacific (APAC) is the fastest-growing region in the world of aviation activities. With air-passenger traffic multiplying and the airlines increasing their fleet size, the market for aerospace composites in the region is growing, and the growth is expected to continue during the forecast period (2023 – 2028). APAC region dominated the market and accounted for a revenue share of 45.4% in the global composites demand in 2022. The region is one of the most lucrative destinations for automotive, construction, aerospace, and electronics manufacturers, owing to critical manufacturers in the major economies, including China, India, and Japan.

In segmentation by country, China held the largest share of the market. Globally, China is one of the fastest-growing aviation markets. In 2019, commercial airports in China handled over 659 million passengers, compared to 611 million passengers in 2018, which demonstrates how the demand for air transport is increasing in the country. According to IATA, China has become the world’s largest aviation market since 2022. Air China, for example, placed an order for 20 Airbus A350-900 aircraft in 2019, successfully delivered between 2020 – 2022.

In addition, in the military segment, several nations in the region are procuring newer aircraft with a more significant percentage of composites. Several new aircraft developed by the players in the region are being built with increasingly higher compositions of composite materials. Reduced maintenance, longer design life, fewer parts, and reduced tooling and assembly costs are some of the reasons driving the adoption of composites in aerospace manufacturing.

The military aircraft segment is expected to be driven by the growth in the adoption of composites in various parts and components of the newer military aircraft. The composites used in military aircraft are lightweight, durable, chemical, and temperature-resilient. An essential use of composite materials is in developing stealth aircraft that use radar-absorbing composite materials to form most of the aircraft’s structure. Carbon-and-glass fiber-reinforced plastic laminates are used in Lockheed Martin F-35 lightning II in structures, like vertical stabilizers, tails, flaps, and wings’ skin, accounting for approximately 40% of the aircraft’s weight. Australia placed an order for 72 F-35 aircraft for its military, out of which 13 aircraft were delivered to the country by 2019. Also, HAL Tejas, the indigenous fighter jet developed by India, consists of 45% composites (mostly carbon-epoxy) by weight in its airframe, which made the aircraft the lightest Multi-Role Supersonic Fighter Aircraft of its class. As of May 2020, 123 Tejas aircraft are being ordered by the Indian Armed Forces in various configurations. Thus, the growing use of composites in the newer generation of military aircraft and the increasing procurement of such aircraft are currently driving the growth of the military segment.

Article By: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor & MEGA Tech

データブリッジ・マーケットリサーチのレポートによると、航空宇宙部品製造市場は予測期間（2023年から2030年）において年平均成長率（CAGR）が4.50%を経験する見込みです。これにより、市場価値は2023年には2022年の8億8981万ドルから12億6541万ドルに急増すると予想されています。環境保護のために軽量化、革新的で効率的な航空機の需要が増加していることから、世界の航空宇宙部品製造市場は予測期間中に大幅に成長すると予測されています。絶縁材セグメントは、航空機のフリートの増加や航空宇宙部品の定期的な交換・メンテナンスにより、予測期間中に最も急成長する製品セグメントとして予想されています。

2022年の時点で、世界の航空宇宙コンポジット市場は210億ドルでした。航空宇宙コンポジット市場は、2023年の241.2億ドルから2032年には677.0億ドルに成長すると予測されており、予測期間（2023年から2032年）における年平均成長率（CAGR）は13.77%に達する見込みです。航空宇宙コンポジットの航空宇宙分野への存在が増加しており、非常に異なる部品での航空宇宙コンポジットの利用が市場成長を促進する主要な市場ドライバーとなっています。

アジア太平洋（APAC）は航空活動の世界で最も急成長している地域です。航空旅客の交通量が増加し、航空会社がフリート規模を拡大する中、この地域における航空宇宙コンポジット市場が成長しており、この成長は予測期間（2023年から2028年）中も継続すると予想されています。APAC地域は2022年の世界のコンポジット需要における収益シェアの45.4%を占め、市場をリードしています。この地域は中国、インド、日本などの主要経済国における重要な製造業者を有するため、自動車、建設、航空宇宙、電子製造業者にとって最も魅力的な市場の一つです。

国別のセグメンテーションにおいて、中国が市場の最大シェアを保持しています。世界的に見て、中国は最も急成長している航空市場の一つです。2019年には、中国の商業空港は6億5900万人以上の旅客を取り扱いました。これは2018年の6億1100万人から増加しており、国内で航空輸送の需要がどれほど増加しているかを示しています。IATAによると、中国は2022年以降、世界最大の航空市場となっています。たとえば、中国国際航空は2019年にエアバスA350-900型機20機の発注を行い、これらは2020年から2022年にかけて成功裏に納入されました。

さらに、軍事セグメントでは、この地域の複数の国がより高い割合のコンポジットを備えた新しい航空機を調達しています。この地域の関係者によって開発されたいくつかの新しい航空機は、ますます高い割合のコンポジット材料で製造されています。コンポジット材料の採用を促進する理由の一部には、メンテナンスの削減、設計寿命の延長、部品数の減少、および工具や組み立てコストの削減があります。これらは航空宇宙製造におけるコンポジットの採用を推進しています。

軍用航空機セグメントでは、新しい軍用機のさまざまな部品やコンポーネントでのコンポジットの採用増加により推進されると予想されています。軍用機で使用されるコンポジットは軽量で丈夫であり、化学物質や温度に対する耐性があります。コンポジット材料の重要な用途の一つは、レーダーを吸収するコンポジット材料を使用してステルス航空機を開発することです。このような航空機のほとんどの構造にコンポジット材料が使用されています。ロッキード・マーティン F-35ライトニング IIでは、炭素繊維とガラス繊維で強化されたプラスチックラミネートが、垂直安定板、尾翼、フラップ、翼の外皮などの構造に使用され、航空機重量の約40%を占めています。オーストラリアは軍事用にF-35機を72機発注し、2019年までにそのうち13機を受け取りました。また、インドが開発した国産戦闘機HALテジャスは、機体重量の45%がコンポジット（主に炭素エポキシ）で構成されており、そのため同機はそのクラスで最も軽量な多目的超音速戦闘機となっています。2020年5月現在、インド軍はさまざまな構成で123機のテジャス機を発注しています。したがって、新世代の軍用機でのコンポジットの利用拡大とそのような航空機の調達増加が、現在軍事セグメントの成長を推進しています。

Article By: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor & MEGA Tech