Article by: Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., MEGA Tech Senior Editor
เรามักประเมินผลกระทบของเทคโนโลยีในระยะใกล้สูงกว่าความเป็นจริง แต่กลับประเมินผลกระทบในระยะไกลต่ำกว่าความเป็นจริง Gartner Hype Cycle จึงถูกพัฒนาขึ้นมา โดยมีรูปแบบการนำเสนอเพื่อให้เห็นภาพของการเติบโตแพร่หลายใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรมและภาคส่วนต่างๆ โดยแต่ละเทคโนโลยีมีวงชีวิตที่ประกอบด้วย 5 เฟสด้วยกันได้แก่ technology trigger (การเข้ามาของเทคโนโลยี), peak of inflated expectations (กระแสและการไต่ระดับสู่จุดสูงสุด), rough of disillusionment (กระแสลดระดับลง), slope of enlightenment (จากกระแสสู่การยอมรับ) และ plateau of productivity (เทคโนโลยีบูรณาการสู่ชีวิตประจำวัน)
Technology Trigger เป็นระยะแรกเข้าของเทคโนโลยีที่มีศักยภาพ โดยมีสื่อเป็นเครื่องมือเผยแพร่แนวคิดกลไกลของเทคโนโลยีจนกระทั่งเป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่บ่อยครั้งที่พบว่าเทคโนโลยีที่นำมาเผยแพร่นั้นยังไม่ได้รับพิสูจน์ว่ามีประโยชใช้งานจริง Peak of Inflated Expectations (กระแสและการไต่ระดับสู่จุดสูงสุด) หมายถึงช่วงที่เทคโนโลยีได้รับความนิยมสูงสุดจากสื่อผ่านเรื่องเล่าความสำเร็จของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ แต่ที่ล้มเหลวก็มีและในช่วงนี้เองที่ภาคธุรกิจตัดสินใจที่จะยอมรับหรือไม่ยอมรับเทคโนโลยีนั้น Trough of Disillusionment (กระตกลดระดับลง) คือระยะที่ความสนใจจากสื่อและสังคมเริ่มซาลง ทั้งนี้เป็นเพราะเทคโนโลยีไม่สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์อย่างที่เคยได้ยินจากกระแส
Slope of Enlightenment (จากกระแสสู่การยอมรับ) เป็นระยะที่เกิดความเข้าใจที่ตกผลึกอย่างแท้จริงเกี่ยวกับศักยภาพของเทคโนโลยีนั้น ปรากฏการณ์นี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อเทคโนโลยีมีพัฒนาต่อยอดในรุ่นที่สองและรุ่นที่สาม แต่กระนั้นก็ยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างถึงที่สุดโดยเฉพาะในองค์กรที่มีแนวคิดที่ค่อนข้างเป็นอนุรักษ์นิยม และ plateau of productivity (เทคโนโลยีบูรณาการสู่ชีวิตประจำวัน) เป็นระยะที่การยอมรับในวงกว้างเกิดขึ้นอย่างแท้จริงผู้ให้บริการนำเสนอข้อมูลคุณสมบัติและหน้าที่ได้อย่างชัดเจน เกิดการยอมรับในตลาดและภาคอุตสาหกรรมเป็นวงกว้างเนื่องจากเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีมีความคุ้มค่าน่าลงทุน ณ จุดนี้เองที่เทคโนโลยีได้รับทั้งการยอมรับและยอมใช้ออกไปไกลกว่าตลาดเดิมที่เทคโนโลยีนั้นได้ถืออุบัติขึ้น

ช่วงต้นก่อนปี 2018 นั้น Gartner ได้แสดงผลการศึกษาวิจัยและนำเสนอออกมาในรูปแบบของเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูงและคาดว่าจะทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงในระดับของการปฏิบัติวงการอุตสาหกรรมเลยทีเดียวเทคโนโลยีทั้ง 5 นี้ได้แก่ democratized artificial intelligence (AI), digitalized ecosystems, do-it-yourself (DIY) biohacking, transparently immersive experiences, and ubiquitous structure
เป็นการยากที่ทำนายอนาคต โดยเฉพาะในสภาพทางสังคมเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและต่อไปนี้คือความเป็นไปที่แท้จริงของเทคโนโลยีที่นำไปใช้ในโลกอุตสาหกรรมที่ได้กล่าวไปแล้ว เริ่มจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กล่าวกันไว้ว่าเป็นสิ่งที่นำพาการเปลี่ยนแปลงให้กับโลกมากที่สุด ตัวอย่างที่สนับสนุนข้อกล่าวนี้ได้แก่ระบบการขับเคลื่อนอัตโนมัติของ SpaceX และ Tesla ด้วยเทคโนโลยีการขับเคลื่อนไร้มนุษย์ระดับ 4 อย่างไรก็ดีระบบการขับเคลื่อนไร้คนขับนี้แม้จะสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องอาศัยมนุษย์เป็นผู้ควบคุม แต่ก็ยังทำในสภาวะควบคุม คาดว่าเทคโนโลยีในระดับนี้จะออกมาสู่ตลาดเต็มตัวภายในทศวรรษนี้ ต่ำสำหรับการขับขี่ไร้มนุษย์ระดับ 5 นี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการวิจัยและพัฒนา
คาดกันว่าเทคโนโลยี Blockchain จะเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ของในแง่ของมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล ตัว Blockchain และ Internet of Things (IoTs) ได้ก้าวข้ามจุดสูงสุดของตัวมันเองมาแล้ว และจะเข้าสู่สุดอิ่มตัวในอีกไม่นานนี้ ในขณะที่ digital twins และ knowledge graphs ยังอยู่ในจุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง ส่วน Biohacking ซึ่งเป็นระบบเสมือนจริงแบบผสมนั้นได้เข้าสู่จุด Trough of Disillusionment ขณะ augmented reality (AR) กำลังอยู่ในช่วงขาลง และยังมีเทคโนโลยี Biochip ที่ได้ขึ้นสูงจุดสูงสุดไปแล้ว และคลาดว่าจะถึงจุดอิ่มตัว plateau of productivity ภายใน 5 ถึง 10 ปีนี้

เทคโนโลยี Transparently immersive experiences คือ ปรัชญาการออกแบบที่มีมนุษย์เป็นจุดศูนย์กลางของทุกสิ่ง โดยที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองหรือระห่วางมนุษย์และวัตถุมีความโปร่งใสตรวจสอบติดตาม ขณะนี้เทคโนโลยีดังกล่าวนี้กำลังไต่ระดับขึ้นสู่จุดสูงสุดและเทคโนโลยีอื่นที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ได้แก่ 4D Printing, Connected Home, Edge AI, Self-Healing System Technology, Silicon Anode Batteries, Smart Dust, and Smart Workspace สิ่งเหล่านี้นำไปสู่แนวคิด smarter living หรือ smarter work และในพื้นที่ทางสังคมอื่นๆ สำหรับ ubiquitous infrastructure เกิดขึ้นเนื่องความนิยมในตัวเทคโนโลยี cloud computing ที่ถูกแปรรูปเป็นสินค้าและบริการในรูปแบบต่างๆ โดยที่ผู้ใช้บริการไม่ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดเชิงโครงสร้างพื้นฐานในระดับกายภาพอีกต่อไป ขณะที่เทคโนโลยี 5G และ deep neural network AISCs นี้คาดว่าจะเข้าสู่ระยะ plateau of productivity ในระยะ 2 – 5 ปีนี้ แต่เทคโนโลยีที่เกิดจากการประยุกต์เทคโนโลยีกำลังทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดของวงจร Hype Cycle
อย่างที่เห็นได้อย่างหนึ่งก็คือ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างจริงจังนั้นยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นแต่เพียงเท่านั้น แต่โอกาสนั้นยังเปิดประตูอยู่สำหรับผู้ที่มีความพร้อมความรู้ ทักษะความสามารถในการเก็บเกี่ยวข้อมูลความรู้เพื่อนำมาแปรรูปมาสู่การใช้งานจริงอย่างเต็มรูปแบบ แล้วท่านเองคิดว่าจะสามารถนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาสนับสนุนธุรกิจของท่านได้อย่างไรบ้าง ท่านสามารถร่วมแบ่งปันความเห็นของท่านกับเราได้