Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor & MEGA Tech

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1967 อาเซียนได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะวิกฤตจากภาวะการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2008 ก็ตาม แต่ GDP ของภูมิภาคยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 5.7% จนถึงปี 2019 ภาคบริการมีสัดส่วนถึงกว่า 50% ของ GDP รองลงมาคือภาคการผลิต (36%) และ เกษตรกรรม (10.5%) เช่นเดียวกับทุกภูมิภาคทั่วโลก COVID-19 ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจหยุดชะงักลงเป็นการชั่วคราว ครั้นเมื่อสถานการณ์ขาลงจนถึงที่สุดได้ผ่านพ้นไปทำให้การแพร่ระบาดเบาลง อาเซียนก็ได้กลับมาดำเนินธุรกิจการค้าได้อีกครั้ง ส่งผลให้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไหลเข้าในปี 2021 ดีดตัวขึ้นเป็น 17 ดอลลาร์สหรัฐ 174 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการกลับสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาด สะท้อนถึงความน่าดึงดูดของเศรษฐกิจในภูมิภาคไปยังนักลงทุนทั่วโลก

อาเซียนมีคลัสเตอร์การผลิตที่หลากหลายอยู่แล้ว ได้แก่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในมาเลเซียและเวียดนาม รถยนต์และอาหารบรรจุภัณฑ์ในประเทศไทย เครื่องจักรและปิโตรเคมีในอินโดนีเซีย อาหารบรรจุภัณฑ์และเครื่องแต่งกายในฟิลิปปินส์ และเซมิคอนดักเตอร์ ไบโพลาร์แคชติก และชิ้นส่วนประกอบการบินและอวกาศในสิงคโปร์ นอกจากนี้ ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังเป็นจุดหมายปลายทางของผู้ผลิตที่ต้องการแรงงานจำนวนมากด้วยต้นทุนการดำเนินงานต่ำ ในทางตรงกันข้ามสิงคโปร์ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมที่เน้นการวิจัยและพัฒนาซึ่งมีมูลค่าสูงและอุตสาหกรรมภาคบริการที่สนับสนุนการค้า เช่น บริการทางการเงิน และบริการด้านโลจิสติกส์

ตั้งแต่ปี 2015 ถึงปี 2019 พบว่าการส่งออกภาคการผลิตจากประเทศสมาชิกทั้ง 10 ประเทศของอาเซียนเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี ซึ่งแซงหน้าค่าเฉลี่ยของทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ 3% ในขณะที่การเติบโตของภาคการผลิตเป็นผลมาจากแรงงงานอุตสาหกรรมประกอบชิ้นส่วน แต่ก็พบแน้วโน้มการเติบโตอย่างมั่นึงในอุตสาหกรรมการส่งออกสินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การลงทุนในประเทศได้กลายเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ FDI กลับลดลงในอินโดนีเซียตั้งแต่ปี 2015 ถึง 2019 การสะสมทุนในประเทศขยายตัวถึง14% เมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น Salim Group ของอินโดนีเซียลงทุน 956 ล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศสำหรับน้ำมันพืช เนยเทียม และผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ Vingroup กลุ่มบริษัทในเครือของเวียดนามได้ทุ่มเงิน 3.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อลงทุนในเครือยานยนต์อย่าง Vinfast โดยเริ่มจากโรงงานในไฮฟองที่กำลังการผลิตผลิตรถยนต์อยู่ที่ 2,500,000 คันต่อปี

ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา พบว่าอุตสาหกรรมการบินเติบโตอย่างก้าวกระโดดเนื่องจากความต้องการเดินทางทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น โดยปริมาณผู้โดยสารทางอากาศเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกๆ 15 ปีนับตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 80 และคาดว่าจะเติบโตในอัตราเฉลี่ยต่อปีที่ 3.8% ในอีก 20 ปีข้างหน้า ผู้โดยสารจะมีจำนวนถึง 7 พันล้านคนในปี 2034 จากการคาดการณ์อัตราการเติบโตต่อปี 20 ปี ที่ 4.1% ทั้งนี้เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจเป็นอันมาก ในปี 2034 คาดว่าผู้โดยสารในภูมิภาคนี้จะมีจำนวนถึง 42% ของปริมาณผู้โดยสารทั่วโลก บริษัทการบินและอวกาศระดับโลกหลายแหล่งล้วนต้องการขยับขยายและตั้งธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งสิ้น

ส่วนการเติบโตด้านการบินของประเทศไทยนั้น พบว่ากำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในฐานะศูนย์กลางการบินทั่วโลกที่เปลี่ยนมายังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในการเติบโตอย่างต่อเนื่องของการจราจรทางอากาศโดยรวมของประเทศตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้การจราจรทางอากาศของไทยเพิ่มขึ้นเร็วกว่าตัวตลาดถึง 3 เท่า ด้วยอัตราเฉลี่ยต่อปีที่ 13.14% ในช่วงปี 2011 – 2015 ความโดดเด่นของอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทยนั้น เห็นได้จากการเติบโตอย่างมากของปริมาณการขนส่งสินค้า การเคลื่อนย้าย และผู้โดยสารของสายการบินที่ผ่านท่าอากาศยานนานาชาติของประเทศไทย

ประเทศไทยนับว่าเป็นฐานการผลิตที่สมบูรณ์แบบสำหรับบริษัทต่างชาติ เนื่องจากความได้เปรียบด้าค่าจ้างแรงงาน ระบบลอจิสติกส์ และการอำนวยความสะดวกด้านอื่นๆ ตลาดเครื่องบิน ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2021 มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ด้านการบินและอวกาศของไทยมีมูลค่าประมาณ 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2022 ความเชี่ยวชาญของไทยคือการผลิตชิ้นส่วนในระดับ Tier 3 และการผลิตชิ้นส่วนประกอบในระดับ Tier 4 สำหรับการผลิตชิ้นส่วนดั้งเดิม (OEM) พบว่าตลาดการผลิตการบินในประเทศไทยคงแนวโน้มที่ดี บริษัทต่างชาติยังมีโอกาสในการสำรวจตลาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการบินที่เป็นตลาดสินค้าความเชี่ยวชาญระดับสูง

Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor & MEGA Tech

Since it was established in 1967, ASEAN has been on a journey of almost constant growth. Despite the challenges of the 2008 global economic crisis, the region’s GDP grew steadily at an average annual growth rate of 5.7% through 2019. The services sector accounts for just over 50% of the GDP, followed by manufacturing (36%) and agriculture (10.5%). Like most of the world, COVID-19 temporarily halted economic expansion. But as the worst impacts of the pandemic continue to recede, ASEAN is again open for business. As a result, foreign Direct Investment (FDI) inflows rebounded in 2021 to USD17USD 174ion, a return to pre-pandemic levels, reflecting the attractiveness of the region’s economy for global investors.

ASEAN already has a range of well-established manufacturing clusters. These include electronics in Malaysia and Vietnam, automobiles and packaged foods in Thailand, machinery and petrochemicals in Indonesia, packaged foods and apparel in the Philippines, semiconductors, bipolar cachectic, and aerospace components in Singapore. In addition, the emerging economies of Southeast Asia have long been destinations for manufacturers seeking abundant, low-cost labor. In contrast, Singapore has served as a hub for high-value R&D-intensive industries and trade-supporting services such as finance and logistics.

From 2015 through 2019, manufacturing exports from ASEAN’s ten member states averaged 5% annual growth – outpacing the global average of 3%. While manufacturing growth has been by labor-intensive assembly work, the trend also has strong export growth in higher-value goods such as machinery and electronics. Domestic investment has also become an increasingly important driver. While FDI dropped in Indonesia from 2015 through 2019, domestic capital formation expanded by 14% compared to the previous five-year periods. Indonesia’s Salim Group invest $956 million to boost domestic manufacturing capacity for vegetable oil, margarine, and other food products. The Vietnamese conglomerate Vingroup has poured $3.5 billion into its automotive subsidiary Vinfast, starting with an f factory in Haiphong capable of producing 2500,000 cars annually.

Over the past 30 years, the airline industry has grown exponentially due to escalating global travel demand. Passenger air traffic has doubled every 15 years since the early eighties and is expected to grow at an average annual rate of 3.8% over the next 20 years to reach 7 billion passengers in 2034. Given the forecasted 20-year yearly growth rate of 4.1%, the Asia-Pacific region has enormous economic promise. In 2034, the area will account for 42% of global passenger traffic; many world-class aerospace companies want to expand and locate their business in the Asia-Pacific region. 

Thailand’s aviation growth is seeing rapid expansion as the center of gravity for global aviation shifts to the Asia-Pacific region. This is reflected in the country’s steady growth of total air traffic over the past several years. As a result, Thailand’s air traffic is rising three times faster than the global market. It has increased at an average annual rate of 13.14% during 2011-2015. The prominence of Thailand’s aviation industry is highlighted by significant growth in the number of airlines’ traffic cargo, movements, and passengers passing through Thailand’s International airports.

Thailand is a perfect manufacturing base for foreign companies because of its competitive wages, logistic systems, and extensive supporting facilities. Thailand’s aircraft, parts, and equipment market has seen continual, robust growth over the past few years. In 2021, the export value of aerospace products in Thailand amounted to approximately 1.2 million U.S. dollars, slightly increasing in 2022. Thailand’s expertise is in Tier 3 component manufacturing and Tier 4 composite manufacturing for original part manufacturing (OEMs). The aviation manufacturing market in Thailand continues to show great promise. There is plenty of opportunity for foreign companies to explore this market, especially in higher tiers of aviation manufacturing.

Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor & MEGA Tech

1967年に設立されて以来、ASEANはほぼ一定の成長を遂げました。2008年の世界経済危機の課題にもかかわらず、この地域のGDPは2019年まで平均年間成長率5.7%で着実に成長しました。サービス部門はGDPの50%強を占め、製造業 (36%) と農業 (10.5%) がそれに続きます。世界のほとんどの地域と同様に、COVID-19は一時的に経済拡大を停止させました。しかし、パンデミックの最悪の影響が後退し続けるにつれて、ASEANは再びビジネスに開放されています。その結果、外国直接投資(FDI)の流入は2021年に1.74億米ドルに回復し、パンデミック前のレベルに戻り、世界の投資家にこの地域経済の魅力を反映しました。

ASEANにはすでにさまざまな確立された製造クラスターがあります。これらには、マレーシアとベトナムの電子機器、タイの自動車とパッケージ食品、インドネシアの機械と石油化学、フィリピンのパッケージ食品とアパレル、シンガポールの半導体、バイポーラ電極、航空宇宙部品が含まれます。また、東南アジアの新興国は、古くから安価で豊富な労働力を求める製造業の目的地でした。対照的に、シンガポールは、価値の高い研究開発集約型産業や、金融や物流などの貿易支援サービスのハブとして機能してきました。

2015年から2019年にかけて、ASEANの10の加盟国からの製造業の輸出は年平均5%の成長を遂げ、世界平均の3%を上回っています。製造業の成長は労働集約的な組立作業によるものですが、機械や電子機器などの高価値商品の輸出も大きく上げています。国内投資もますます重要な推進力となっています。インドネシアのFDIは2015年から2019年にかけて減少しましたが、国内資本形成は過去5年間と比較して14%拡大しました。インドネシアのサリムグループは、植物油、マーガリン、その他の食品の国内生産能力を高めるために9億5600万ドルを投資しています。ベトナムのコングロマリットであるビングループ（Vingroup）は、年間250万台の自動車を生産できるハイフォンの工場を皮切りに、自動車子会社のビンファスト（VinFast）に35億ドルを注ぎ込みました。

過去30年間で、航空業界は世界的な旅行需要の高まりにより指数関数的に成長してきました。旅客航空交通量は80年代初頭から15年ごとに倍増しており、今後20年間で年平均3.8%で成長し、2034年には70億人の乗客に達すると予想されています。20年間の年間成長率が4.1%と予測されていることを考えると、アジア太平洋地域は大きな経済的可能性を秘めています。2034年には、この地域は世界の旅客輸送の42%を占めるでしょう。多くの世界クラスの航空宇宙企業は、アジア太平洋地域で事業を拡大し、位置付けたいと考えています。

タイの航空の成長は、世界の航空の重心がアジア太平洋地域に移るにつれて急速に拡大しています。これは、過去数年間の総航空交通量の着実な成長に反映されています。その結果、タイの航空交通量は世界市場の3倍の速さで増加しています。2011年から2015年の間に平均年率13.14%で増加しています。タイの航空産業の卓越性は、タイの国際空港を通過する航空会社の交通貨物、移動、および乗客の数の大幅な増加によって強調されています。

タイは、競争力のある賃金、物流システム、および広範なサポート施設により、外国企業にとって完璧な製造拠点です。タイの航空機、部品、および機器市場は、過去数年間、継続的かつ力強い成長を遂げてきました。2021年、タイの航空宇宙製品の輸出額は約120万米ドルに達し、2022年にはわずかに増加しました。タイの専門知識は、相手先オリジナル部品製造(OEM)向けのTier3コンポーネント製造とTier4複合製造です。タイの航空製造市場は引き続き大きな期待を示しています。外国企業がこの市場を探求する機会はたくさんあり、特に航空製造の上位層ではそうです。