Article by:  Asst.Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., MEGA Tech Senior Editor

ภาวะเศรษฐกิจขาลงช่วง 2008 – 2009 และการระเบิดตัวของชนชั้นกลางใหม่ในตลาดเกิดใหม่จะมีความเกี่ยวข้องการเปลี่ยนแปลงทางประชากรเป็นอย่างมาก ในตลาดที่พัฒนาแล้ว วิกฤติเศรษฐกิจในช่วงดังกล่าวได้กันกินความเชื่อมั่นในอนาคต เป็นเหตุให้ลดการบริโภคที่คิดว่าไม่มีความจำเป็นลงและยังกระทบสร้างครอบครัวอีกด้วย ในตลาดเกิดใหม่และในตลาดที่พัฒนาแล้ว ความเปลี่ยนแปลงของลักษณะทางประชากรของผู้บริโภคจะสะท้อนออกมาในรูปแบบการบริโภคในที่สุด

THE IMBALANCED AGE RATIO

เมื่อประเทศได้เปลี่ยนแปลงไปสู่การพัฒนาและความก้าวหน้า จะมีปัจจัยจำนวนมากที่เป็นเหตุให้พลเมืองมีบุตรน้อยลง ในขณะที่ขนาดประชากรหดตัวลง แรงงานและกำลังการบริโภคของประเทศนั้นก็จะหดตัวลงตามไปด้วย ส่งผลต่อศักยภาพการเติบโตและผลผลิตทางเศรษฐกิจของประเทศ ปัญหายิ่งเลวร้ายเป็นทวีคูณเมื่ออายุขัยของประชาชากรยืนยาวขึ้น ก่อให้เกิดความไม่สมดุลของการกระจายตัวของประชากรในกลุ่มอายุต่างๆ จะเป็นผลให้เกิดความไม่สมดุลในประชากร อัตราส่วนระหว่างประชากรที่กำลังแก่ตัวลงและประชากรสูงอายุที่ต้องอาศัยการดูแลที่มีอายุเกิน 64 ปี และกลุ่มวัยทำงานที่มีอายุระหว่าง 15 และ 64 ปี

พบว่าประเทศในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมจำนวนมาก มีอัตราการเกิดที่ร่วงลงมาอยู่ที่จำนวนการมีบุตร 2.1 คนต่อผู้หญิง 1 คน (มีหลักคิดง่ายๆ ว่า 1 ครอบครัวจะต้องมีบุตรอย่างน้อย 2 คนเพื่อทดแทนตัวเองและคู่ชีวิต) ในกลุ่มประเทศยุโรปยิ่งพบว่าอัตราการเกิดนั้นต่ำกว่าระดับการแทนที่ อย่างเช่นในประเทศเยอรมนี อิตาลี และสเปน อยู่ระหว่าง 1.3 และ 1.4 คนต่อครอบครัว และอัตราเกิดดังกล่าวนี้ดูเหมือนคงทีเสียด้วย โดยรวมแล้วกลุ่มประเทศในภูมิภาคจะเสียทรัพยากรมนุษย์ไปกว่า 60 ล้านคนภายใน 5 ทศวรรษที่จะมาถึง

DECEASED WORKING-AGE AND CONSUMPTION POWER

ประชากรวัยทำงานของทั้งโลกกำลังจะลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2060 และจะลดลงอย่างมากถึง 35 เปอร์เซ็นต์ในประเทศกรีซ ญี่ปุ่น เกาหลี ลัตเวีย ลิทูนเนีย และโปแลนด์ ในขณะเดียวกันจำนวนประชากรจะเพิ่มขึ้นกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ในประเทศออสเตรเลีย เม็กซิโก และอิสราเอล ปรากฎการณ์นี้ย่อมส่งผลต่อการบริโภคสินค้าและบริการของโลกอย่างแน่นอน

ประชากรสูงอายุที่ต้องอาศัยการดูแลในประเทศที่พัฒนาแล้วกำลังเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น ในประเทศสหรัฐอเมริกา ประชากรในกลุ่มนี้คาดว่าจะเพิ่มจาก 19 เปอร์เซ็นต์ในปี 2010 เป็น 25 เปอร์เซ็นต์ในปี 2020 จนกระทั่งปี 32 เปอร์เซ็นต์ในปี 2030 เพราะประชากรกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ได้เข้าสู่ช่วงอายุ 65 ปีขึ้นไป แม้อัตราส่วนนี้จะวิ่งช้าลงหลังปี 2030 แต่กระนั้นตัวเลขคาดการณ์จะยังอยู่ที่ 35 เปอร์เซ็นต์ในปี 2050 ตามข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ

TAKE-HOME MESSAGE

สิ่งที่น่ากังวลก็คือ ค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษา ค่าครองชีพต่างพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ไม่ต้องการที่จะมีบุตรหรือมีบุตรมากขึ้น อย่างไรก็ดีการมีบุตรน้อยลงหรือชะลอการมีบุตรจะหมายถึงการออมเงินจากการใช้จ่ายที่จะจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าและบริการมากขึ้น ผู้ประกอบการควรจะต้องระวังระไวและใส่ใจต่อการเปลี่ยนแปลงในระดับประชากรให้มากขึ้นเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคอยู่เสมอ

Article by:  Asst.Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., MEGA Tech Senior Editor

The 2008 – 2009 global economic downturn and the current explosion of a new middle class in emerging markets will have significant implications for changing consumer demographics. In developed markets, the downturn eroded consumer confidence about the future, causing some to not only hold off on unnecessary consumption but also from starting families. In emerging and developed markets, the change in consumer demographics results in changes in consumption.

THE IMBALANCED AGE RATIO

When countries become more advanced and developed, the are variety of factors that cause people to have fewer children. As a population shrinks, the labor force and national consumption power will shrink accordingly, weakening the growth potential of the country’s economic output. The problems are only multiplied by rapidly improving life expectancy, resulting in an imbalance of age distribution. This results in an imbalance of age distribution, the aging population and the old-age dependency ration – the number of people over the age of 64 dependent on working age people between 15 and 64.

In many industrialized nations, the fertility rate has fallen below the replacement rate of 2.1 children per woman – the average number of children that a couple needs to have to replace themselves in a population. In many European countries, births are far below replacement level – between 1.3 and 1.4 in countries such Germany, Italy, or Spain – the level at which these countries would remain stable. As a whole, Europe is expected to lose more than 60 million people over the next five decades.

DECEASED WORKING-AGE AND CONSUMPTION POWER

Globally, the working-age population will see a 10 percent decrease by 2060. It will fall the most drastically by 35 percent or more in Greece, Japan, Korea, Latvia, Lithuania, and Poland. On the other end of the scale, it will increase by more than 20 percent in Australia, Mexico, and Israel. This phenomenon, of course, affect global consumption on goods and services.

The old-age dependency ratio is increasing in most developed countries. For example, the U.S. aged dependency ratio is projected to rapidly increase from 19 percent in 2010 to 25 percent in 2020 to 32 percent in 2030 since this is the time when baby boomers are moving into the 65 and older age category. Though the ratio will rise more slowly after 2030, it is still projected to be 35 percent in 2050, according to United Nations.

TAKE-HOME MESSAGE

Here is the concern. As the cost of education rises, as well as other costs of living, which is typical of development, parents are discouraged from having children or more children. However, having fewer children and having them later in life means accumulating more disposable income to spend on products and services too. Companies should remain agile and attentive to the demographic change in order to become relevant to consumers.

Article by:  Asst.Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., MEGA Tech Senior Editor

2008年から2009年の世界的な景気後退と、現在新興市場で起こっている新しいミドルクラスの爆発的な増加は、消費者人口の変化に大きく影響を及ぼしている。 先進国市場では、景気後退により将来に対する消費者の信頼が失われ、一部の人々は不必要な消費を控える事だけではなく、結婚したり子供を持つ事もしなくなった。新興市場と先進国市場では、消費者の人口統計の変化が消費への変化を齎している。

不均衡な年齢分布比率

国家がより先進的に発展するにつれて、人々が子供を少なく持つ理由には様々な要因がある。人口が減少すると、それに応じて労働力と国民の消費力が減少し、国の経済生産の潜在成長力が弱まる。問題は平均余命が急速に改善した事よってその状態に拍車が掛かり、年齢分布の不均衡を齎す。その結果、年齢分布、高齢化人口、老齢の依存率の不均衡が生じる。64歳以上の高齢者の多くが、15歳から64歳までの労働年齢の人々に依存している。

多くの先進工業国では、出生率は女性1人あたり2.1人の子供という交代率を下回っている。これは、夫婦が自分達自身の交代として生む必要のある子供の平均人数だ。多くのヨーロッパ諸国では、出生数はこの代替レベルをはるかに下回っている。ドイツ、イタリア、スペインなどの国では、1.3から1.4の間のレベルで横這いである。 全体として、ヨーロッパは今後50年間で6000万人以上の人口減少があると予想されている。

今は無き労働年齢層と消費力

世界的の生産年齢人口は2060年までに10％減少する。ギリシャ、日本、韓国、ラトビア、リトアニア、ポーランドでは最も劇的で35％以上も減少する。その反面、オーストラリア、メキシコ、イスラエルでは20％以上増加する。勿論この現象は商品やサービスの世界的な消費に影響を及ぼす事が明白である。

殆どの先進国で、老齢依存率が高まっている。例えば、米国の高齢者扶養比率は、ベビーブーム世代が65歳以上の人口カテゴリーに入る時期であるため、2010年の19％から2020年の25％、2030年の32％に急速に増加すると予測されている。国連によると、この比率は2030年以降は緩やかに上昇するが、2050年には35％になると予想されている。

これだけは忘れずに

何が懸念事項なのかと言えば、教育費、およびにその他の生活費が構造的に上昇するにつれて、親は子供を、または今以上の子供を持つ事に二の足を踏む。しかし、少子化という事は、後年になれば製品やサービスに費やす可処分所得が増える事を意味する。企業は、消費者に必要とされるためには人口動態の変化に対して機敏に対応して注意深く行動する必要がある。