Manufacturing Trends

Farm of the Future: The Industrial Unstoppable Agricultural Force

Farm of the Future: The Industrial Unstoppable Agricultural Force
Share with

Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., MEGA Tech Senior Editor

ยุคนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นยุครุ่งเรืองของการเกษตรดิจิทัลหรือการเกษตรอัจฉริยะซึ่งจะเปลี่ยนโฉมหน้าของวงการอุตสาหกรรมไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากการเกษตรอัจฉริยะมิได้สร้างเพียงความเปลี่ยนแปลงให้กับเกษตรกรหรือการเกษตรกรรม แต่ความเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้เกิดขึ้นในระดับห่วงโซ่อุปทานรากฐานในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารทางการเกษตร ส่งผลต่อวิถีชีวิตพฤติกรรมของเกษตรกร ส่งผลต่อผู้ที่ครอบข้อมูลการผลิต ผู้ที่ใช้ประโยชน์จากการประมวลผลข้อมูลดังกล่าว ผู้ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค สามารถสร้างตลาด ตั้งราคา และสร้างการขาย แนวคิดดังกล่าวนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้จริงได้ทั้งระบบ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรทางการเกษตร จากเดิมที่เป็นแบบเหมารวม มาสู่การบริหารจัดการแบบที่มีความเฉพาะเจาะจง มีคุณภาพสูง แบบป้องกันเชิงรุก (มากกว่าการตามแก้ไขปัญหา) และทันต่อเวลาด้วยข้อเท็จจริง ทั้งนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ได้รับมาจากระบบเครือข่ายข้อมูลเกษตรกรรมขนาดใหญ่

Farm of the Future: The Industrial Unstoppable Agricultural Force
Digital Farming
Source: The Future of Agriculture and Food, Handelsblatt Research Institute, Bayer

การปฏิวัติดิจิทัลได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งรวมถึงภาคเกษตรกรรมด้วย รถแทรคเตอร์ล้ำยุคที่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองไปบนท้องไร่ทุกหนทุกแห่ง โดรนที่ติดตั้งอุปกรณ์เซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพดินที่สามารถตรวจจับภาวะโรคในพืชในระยะเริ่มต้นรวมไปถึงหุ่นยนต์หน้าที่ต่างๆ สิ่งเหล่านี้รวมกันทำให้การเกษตรแบบแม่นยำเป็นไปได้ การประมวลผลและเทคโนโลยี Big Data ในภาคเกษตรกรรมทำให้ทราบข้อมูล insight ที่นำไปสู่ผลผลิตที่มีประสิทธิภาพในท้องไร่ ซึ่ง insight เหล่านี้ทำให้ชาวไร่ชาวสวนสามารถให้ปุ๋ยและให้การดูแลกำจัดวัชพืชได้อย่างเจาะจงมากขึ้น จากที่เดิมทีการดูแลพืชผลที่มีลักษณะเหมารวม เป็นการดูแลบริหารจัดการที่มีความแม่นยำเจาะจงในระดับรายต้นสำหรับกรณีที่เป็นการทำไร่ และระดับรายตัวสำหรับกรณีที่เป็นปศุสัตว์ และยังทำให้การติดตามผลผลิตในห่วงโซ่อุปทานเป็นไปอย่างละเอียดและครอบคลุมที่สุด ผลสัมฤทธิ์ประสิทธิภาพประสิทธิผลเหล่านี้เกิดขึ้นจากการปฏิวัติเกษตรกรรมดิจิทัลซึ่งมีลักษณะเป็นเวชศาสตร์ป้องกันเชิงรุก ปลอดภัย อีกทั้งยังมีความสามารถใช้การปรับตัวตั้งรับกับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน สามารถรับประกันได้ว่าพืชผลทั้งหลายจะปลอดภัย และยังสร้างผลกำไรได้อย่างยั่งยืนให้แก่ภาคเกษตรกรรม

Farm of the Future: The Industrial Unstoppable Agricultural Force
Farm of the Future
Source: Feeding 10 billion people in 2050, Capgemini

AGRITECH INVESTMENT SURGES

Farm of the Future: The Industrial Unstoppable Agricultural Force

จากรายงานของ Financial Times จำนวนเม็ดเงินที่หลั่งไหลมาจากทั่วโลกได้ลงสู่ภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารได้ทะยานสูงขึ้นถึงร้อยละ 40 ในปี 2018 เป็นจำนวนเงิน 17 พันล้านดอลลาร์ บริษัท AgFunder ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนธุรกิจออนไลน์รายงานว่าจำนวนข้อตก “ดีล” ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11 ในช่วงปีที่ผ่านมา เป็นจำนวนถึง 1,442 ดีล ในบรรดาดีลเหล่านี้กว่าครึ่งเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา รองรงลงมาก็คือจีนและอินเดียตามลำดับ การลงทุนด้านเทคโนโลยีชีวภาพเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 50 ในปี 2018 เป็นเม็ดเงินจำนวนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ ตัวอย่างเช่น Indigo AG เป็นสตาร์ทอัพย่านบอสตัสได้นับผู้ซื้อมาพบปะกับผู้ขายสินค้าพืชพันธ์โดยผ่านโมบายแอป ได้ระดมทุนไปแล้วกว่า 250 ล้านดอลลาร์ ส่วน Pivot Bio ที่พัฒนา microbe ที่มีความสามารถในการตรึงไนโตรเจนก็ได้รับการสนับสนุนจาก Breakthrough Venture และจากนักลงทำโพรไฟล์เศรษฐีพันล้าน (ดอลลาร์) เช่น Jeff Bezos และ Michael Bloomberg เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปสักเท่าไหร่ก็ตาม เมื่อกล่าวถึงประโยชน์และผลิตผลจากการปฏิบัติดิจิทัลแล้ว ภาคการเกษตรก็ยังนับว่าตามหลังอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติหรือแม้แต่ภาครัฐก็ตาม ในภาคการเกษตรนอกจากจะมีวัฎจักรของการคืนทุนที่ยาวนาน แล้วยังมีปัจจัยอื่นเช่นสภาพความแล้งแค้นของผืนดิน ความซับซ้อนทางพันธุกรรมอันมาจากสภาพฟ้าดิน สารอาหาร ปริมาณน้ำและส่วนผสมของดิน เหล่านี้ล้วนมีส่วนทำกระบวนการดิจิทัลทางการเกษตรมีความซับซ้อนและยุ่งยากขึ้น

Farm of the Future: The Industrial Unstoppable Agricultural Force
Digitization Index and Productivity Growth
Source: How OEMs can seize the high-tech future in agriculture and construction, McKinsey & Company

FRICTION TO DIGITIZATION

จากผลการสำรวจของ McKinsey ในส่วนของผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมพบว่า ระบบขับเคลื่อนนำทางด้วย GPS เป็นเทคโนโลที่เกษตรกรให้ความสนใจสูงถึงร้อยละ 88 เกษตรกรเหล่านี้สนใจในการประยุกต์เทคโนโลยีดังกล่าวนี้เข้ากับอุปกรณ์ปลูกเมล็ดพืช รดน้ำ พรวนดิน ให้ปุ๋ย เพิ่มคุณภาพให้กับดิน และงานเวชศาสตร์ป้องกัน ทั้งเทคโนโลยีและเครื่องมือเหล่านี้สามารถประกอบสร้างและทำงานได้จริงโดยอาศัยการปรับแต่งแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น กระบวนการปรับแต่งที่ว่านี้จึงน่าดึงดูดมากกว่าระบบงานที่ต้องออกแบบใหม่ทั้งหมดอย่างเช่นการเปลี่ยนทุกเครื่องมือให้เป็นระบบไฟฟ้าและอัตโนมัติทั้งหมด

Farm of the Future: The Industrial Unstoppable Agricultural Force
Famers’ Excitement over GPS Auto Steering
Source: How OEMs can seize the high-tech future in agriculture and construction, McKinsey & Company

โดยทั่วไปแล้วเกษตรกรสนใจเทคโนโลยีที่สามารถยกระดับผลิตผลสร้างผลตอบแทนทางการเงินสูง จากการสำรวจเดียวกันนี้แสดงให้เห็นว่าเกษตรกรมีความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอันเนื่องมาจากการใช้งานอุปกรณ์เครื่องมือเกินจากที่วางแผนไว้ อีกความกังวลที่ไม่แพ้กันคือความพร้อมใช้ของอุปกรณ์เครื่องมือในเวลาที่จะต้องใช้งานจริง โมเดลการเช่าอุปกรณ์นั้นไม่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ประกอบการทางการเกษตร มักเลือกใช้แบรนด์ที่คุ้นเคยเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้น เกษตรกรต้องควบคุมกระแสข้อมูลที่เกิดจากการใช้งานอุปกรณ์เครื่องมือด้วยตัวเองอีกด้วย

อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการเกษตรกรรมให้ความเชื่อมั่นกับแบรนด์มากกว่าผู้ผลิตและขายแบบ OEMs ในส่วนของอุปกรณ์ขับเคลื่อนนำทางด้วย GPS ซึ่งมีความแตกต่างหลากหลายที่ขึ้นอยู่กับการประอุปกรณ์ต่อพ่วงและส่วนของซอฟต์แวร์บริหารจัดการดฟาร์ม อย่างที่รู้กันว่า OEMs คือผู้ที่อยู่แนวหน้าของการพัฒนาเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ แต่ว่าคุณค่าได้เปลี่ยนย้ายถ่ายเทจากฮาร์ดแวร์ไปสู่ซอฟต์แวร์ OEMs จึงจำเป็นต้องพัฒนาขีดจำกัดศักยภาพของตนเองให้กว้างขวางกว่าเดิมเพื่อที่จะจัดหาระบบนิเวศน์ที่เหมาะสมกับให้กับลูกค้า รวมไปถึงรูปแบบของความร่วมมือต่างๆ ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีขึ้น และที่สำคัญที่สุด OMEs จะต้องพัฒนาสานต่อความสัมพันธ์ที่ดีและลึกซึ้งกับลูกค้า เข้าใจถึงความในใจ ความต้องการ ความกังวลเบื้องลึก ทั้งนี้เพื่อช่วยกำจัดปัดเป่าปัญหาที่ลูกค้ามี