ในอดีตเครื่องบินเจ็ทส่วนบุคคลเป็นของสงวนเพื่อการครอบครองโดยเหล่าเศรษฐีหมื่นล้านและบรรดาบุคคลที่มีชื่อเสียงเท่านั้น ให้ท่านผู้อ่านจินตนาการห้องเก็บสัมภาระที่อัดแน่นด้วยกระเป่าหลุยส์วิตตองขณะที่ห้องโดยสารก็เต็มไปด้วยนักธุรกิจกำลังกำหนดวาระการประชุมและทบทวนแผนการนัดหมายต่างๆ อย่างไรก็ดีความเปลี่ยนแปลงปรากฎให้เห็นได้ชัดในไม่กี่ที่ผ่านมา ตลาดเครื่องบินเจ็ทส่วนบุคคลเปิดตัวขึ้นโดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวผลักดัน
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่จะใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนเพื่อบุ๊คที่นั่งเฮลิคอปเตอร์ได้ภายใน 20 นาทีและในราคาเพียงเสี้ยวเดียวเมื่อเทียบกับการเช่าเหมาลำ โดยใช้บริการจากอูเบอร์เพียงแต่กำหนดที่รับและส่งที่เฮลิคอปเตอร์สามารถลงจอดได้ ธุรกิจออนดีมานด์ที่อาศัยหลักเศรษฐกิจแบ่งปันมีบทบาทมากในการแบ่งเบาสถานะการณ์ความคับคั่งในการเดิน Victor นับว่าเป็นบริษัทแรกที่รวบรวมข้อมูลเครื่องบินเจ็ทและสนามบินกว่า 40,000 แห่งทั่วโลก จากนั้นเปรียบเทียบเพื่อสร้างและนำเสนอราคาแก่ลูกค้าที่มีความต้องการใช้บริการเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว และ Victor เติบโตถึง 139 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเมื่อปีที่แล้ว เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ความยืดหยุ่น ประสิทธิพลการบริหารต้นทุน ประสิทธิภาพทางเวลาในการเดินทาง ได้กลายเป็นวลีที่แห่งศตวรรษที่ 21

ยิ่งไปกว่านั้นในรอบ 5 ปีที่ผ่านมี app จำนวนหนึ่งนำเสนอบริการคล้ายกับ Victor ตัวอย่างเช่น JetSuite หรือไม่ว่าจะเป็น Surf Air หรือ SkyJet และมีบางเจ้าถึงขนาดนำเสนอบริการดังกล่าวในรูปแบบสมาชิกตอบกลับ สาเหตุที่ความต้องการบริการเครื่องบินเจ็ทส่วนบุคคลมีมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากแถวรอคอยเพื่อการตรวจสอบความปลอดภัยที่มีความล่าช้า ความเหลื่อมล้ำด้อยประสิทธิภาพในแง่ของการบริหารจัดการของสนามบิน และความล่าช้าของตารางการบินที่เกิดขึ้นได้เสมอ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นฝันร้ายของผู้โดยสาร
การจัดซื้อเครื่องบินเจ็ทเพื่อภาพลักษณ์และความภูมิฐานเป็นการแสดงสถานภาพทางสังคมของบรรดาอภิมหาเศรษฐีผู้มั่งมี บริษัทจำนวนไม่น้อยที่ใช้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวแม้ว่าจะต้องแบกรับภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาล จากข้อมูลของ Corporate Jet Investor และ Forbes เมื่อพูดถึงสัดส่วนของบริการเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวแล้ว พบว่า 63 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจดังกล่าวนี้ขึ้นทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริกาถ้านับเป็นจำนวนก็ประมาณ 12,000 ลำ รองลงมาก็คือประเทศบราซิลซึ่งมีจำนวนเครื่องบินเจ็ทที่ขึ้นทะเบียนไว้เป็นจำนวน 764 ลำ
สำหรับอภิมหาเศรษฐีแล้ว เรือยอร์ชและรถสปอร์ตเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสถานภาพทางสังคม และเมื่อไม่นานมานี้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวก็ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการประกอบสร้างสัญลักษณ์ดังกล่าวด้วย แม้ราคาเครื่องบินเจ็ทมีราคาสูง เช่นเครื่อง Gulfstream 451 ที่มีราคาถึง 41 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,500 ล้านบาท ก็ไม่ได้ส่งผลต่อยอดขายในตลาดนี้เลยแม้แต่น้อย ตามรายงานของ Knight Frank ในส่วนของความมั่งคั่งพบว่า ในปี 2017 (เมื่อเทียบกับปี 2006) การจดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องบินเจ็ทส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นถึง 1,300 เปอร์เซ็นต์ในเบรารุสเพียงที่เดียว ในขณะที่พบการจดทะเบียนเครื่องบินดังกล่าวในสหภาพยุโรปตะวันมีจำนวนเพียง 13 ลำในปี 2017 และเพียง 1 ลำในปี 2006
สำหรับภูมิภาคเอเชียนั้น การเดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวส่วนใหญ่แล้วเป็นไปเพื่อการเดินทางเพื่อประกอบธุรกิจในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจที่เติบโตได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย และกัมพูชา อันเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมการที่กำลังเบ่งบานและดึงดูดนักลงทุนมาจากทั่วทุกมุมโลก แต่อย่างไรก็ดีนับว่าเป็นก้าวกระโดดของตลาดเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวในประเทศจีน ที่เห็นได้ชัดคือมีจำนวนผู้ประกอบการใหญ่ในตลาดดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าภายใน 4 ปี ยิ่งไปกว่านั้น มีแหล่งรายงานว่าในปัจจุบันมีเศรษฐีหมื่นล้านในประเทศจีนเป็นจำนวนถึง 652 ราย และจะมีจำนวนสนามบินก่อสร้างขึ้นใหม่ถึง 500 แห่งภายในปี 2020 ซึ่งจะนำไปสู่การแข่งขันที่ดุเดือนในกลุ่มธุรกิจดังกล่าวนี้มาก
สำหรับในประเทศจีนแล้ว ในช่วง 10 ที่ผ่านมา มีการจดทะเบียนเครื่องบินเจ็ทเป็นจำนวนถึง 215 ลำ ซึ่งนับว่าเพิ่มขึ้นจากที่มีอยู่เดิมถึง 347 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบสถิติจากปี 2006 ปัจจุบันมีเครื่องเจ็ททั้งหมดในประเทศจีนอยู่เป็นจำนวน 277 ลำ ถึงแม้ว่าตัวเลขดังกล่าวในประเทศจะดูว่ามากแต่ยังไม่มากถึงที่สุด สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีการจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเพียง 34 เปอร์เซ็นต์ในปี 2017 เมื่อเทียบกับปี 2006 แต่จำนวนการจดทะเบียนเครื่องบินเจ็ททั้งหมดในประเทศมีจำนวนถึง 12,717 ลำ ในขณะที่ในประเทศเม็กซิโกมีจำนวน 950 ลำ และ 786 ลำในประเทศบราซิล
Take-Home Message
แนวโน้มของตลาดเครื่องบินเจ็ทพบว่ายังมีแรงขับเคลื่อนจากภาคอุปสงค์จากภาคธุรกิจที่แข็งแกร่ง ส่วนตัวขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจอันได้แก่ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ การค้าข้ามพรมแดน และตลาดเกิดใหม่ แนวโน้มของเศรษฐกิจโลกจึงมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวขึ้นและอัตราการเติบโตของ GDP น่าจะไม่ต่ำกว่า 3 เปอร์เซ็นต์เมื่อสิ้นปี 2017 การค้าข้ามพรมแดนในเขตเศรษฐกิจเกิดใหม่ส่งผลถึงความต้องการบริการเดินทางในรูปแบบเฉพาะ ตัวขับเคลื่อนทางอุตสาหกรรมคือการซื้อเพื่อทดแทนและเพื่อการขยายอัตราการให้บริการที่จะนำไปสู่ยอดการสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก ผู้บริการเครื่องบินเจ็ทส่วนบุคคลในตลาดย่อมจำเป็นต้องมีการทดแทนเครื่องบินเป็นปกติ และการขยายบริการฯ ไปสู่ระดับนานาชาติของผู้ให้บริการฯ จะเป็นส่วนขับเคลื่อนที่สำคัญที่มีผลต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องบินเจ็ทส่วนบุคคล