วิกฤตการณ์โรคระบาดที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ สร้างความกดดันให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างที่สุด บทวิเคราะห์จาก Datium Insights กำลังการผลิตลดลงอย่างมากในทุกฐานการผลิตทั่วโลกส่งท้ายปี 2020 โดยพบว่ากำลังการผลิตในประเทศญี่ปุ่นดิ่งลง 18%, เกาหลีใต้ลดลง 11%, สหรัฐอเมริกาลดลง 22%, เยอรมนีลดลง 25%, และสหราชอาณาจักรลดลง 29% แต่ดูเหมือนตลาดในจีนมีรากฐานที่มั่นคงกว่า จึงส่งผลให้ผลกำลังการผลิดลดลงเพียง 3% ที่สำคัญวิบากที่เกิดในครั้งนี้จะอยู่กับจะยังคงอยู่กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไปอีกนาน

ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ทั้งห่วงโซ่อุปทานที่หยุดชะงักลงทั่วโลกและความต้องของตลาดที่ดิ่งลง เกิดเป็นผลพวงต่อต้านการฟื้นตัวในภาคการขายของอุตสาหกรรมในช่วงต้นปี 2020 และปิดท้ายปีเดียวกันนี้ด้วย โดยที่ยอดรวมการขายรถใหม่ในตลาดสหรัฐอเมริกาลดลง 15% ในขณะที่ยอดการขายดังกล่าวในเม็กซิโกลดลง 30% ส่วนในประเทศแคนาดาลดลง 22%

ในบรรดาประเทศในยุโรปแล้ว เยอรมนีถือว่ามียอดขายรถยนต์ใหม่ที่ดีที่สุดซึ่งลดลงเพียง 19% ในขณะยอดขายรถยนต์ใหม่ดังกล่าวในสเปน ฝรั่งเศส และอิตาลีลดลง 32%, 24% และ 27% ตามลำดับ ในทางตรงกันข้าม สถานการณ์ในเกาหลีใต้ดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบ โดยส่วนต่างยอดขายที่ลดลงถือว่าต่ำมาก คำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ส่วนต่างแล้วจะค่าติดลบออกมาเป็นตัวเลขหลักเดียวเพียงเท่านั้น

ในสิ้นปี 2020 ตัวเลขยอดขายรถใหม่ในตลาดออสเตรเลียหดตัวลง 14% เทียบกับญี่ปุ่นที่ลดลงเช่นเดียวกันที่ 12% และดูเหมือนว่าตลาดของของทั้งสองประเทศนี้เริ่มฟื้นฟูกลับมาอีกครั้งในเดือนมกราคม 2564 ทั้งนี้เพราะตัวเลขยอดขายรถใหม่ของตลาดออสเตรเลียและญี่ปุ่นในเดือนดังกล่าวนี้ปรับตัวสูงขึ้นที่ 11% และ 7% ตามลำดับ และแม้ว่าเมื่อสิ้นสุดปี 2020 ตัวเลขยอดขายรถใหม่ในตลาดนิวซีแลนด์จะติดลบ 28% ก็ตาม พบว่ายอดขายรถใหม่ในตลาดนิวซีแลนด์และในตลาดเกาหลีใต้เปลี่ยนแปลงในทางขึ้นโดยเพิ่มขึ้น 6% และ 5% ตามลำดับ

สิ่งซึ่งเป็นความสำคัญที่อุตสาหกรรมจะต้องจารึกไว้ก็คือ ภาวการณ์แพร่ระบาดและผลที่ตามมาทางสังคมและเศรษฐกิจ ล้วนมีอิทธิพลเชิงวัฒนธรรมและเชิงพฤติกรรมต่อสังคมไปยังผู้บริโภคในหลายแง่มุมของการดำรงชีวิต เช่น ความนิยมต่อตัวเลือกรูปแบบการเดินทาง หรือ ความคาดหวังต่อมาตรฐานของระบบขนส่งที่มากขึ้นเนื่องมุมมองด้านความปลอดภัย กลายเป็นความเคยชินและจะดำรงอยู่ในกระแสการบริโภคต่อไป ไม่ว่าโรคระบาดจะอยู่หรือจะไปก็ตาม

ความนิยมต่อตัวเลือกการเดินทางที่ตามที่ได้กล่าวไปนี้อาจจะปรากฏขึ้นแล้วก็ได้ เจ้าของรถยนต์ส่วนบุคคลมีแนวโน้มว่าจะเดินทางด้วยการขับขี่รถยนต์ของตนมากขึ้น ในขณะที่ประชากรที่เคยพึ่งพาระบบขนส่งสาธารณะ ต่างคนต่างคิดหาวิธีที่จะเดินทางที่ปลอดภัยที่สุดโดยอาศัยระบบขนส่งมวลชนทางเลือก แบบแผนการเชิงพฤติกรรมการเดินทางในทำนองเดียวกันนี้ เริ่มพบเห็นเพิ่มมากขึ้นตามเมืองต่าง ๆ ในประเทศจีนโดยรถยนต์ส่วนบุคคล การเดินเท้า  และจักรยานเป็นตัวเลือกรูปแบบการเดินทางที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้สัญจรชาวจีนในขณะที่ระบบขนส่งมวลชนเป็นตัวเลือกที่ถูกลดทอนลง นับตั้งแต่การระบาดในระลอกแรกต้นปี 2020

กลุ่มงานวิจัยของ McKinsey ได้บูรณาการ ปัจจัยทรงอิทธิพลทางเศรษฐกิจสังคม (อันได้แก่ พัฒนาการเชิงเศรษฐศาสตร์มหภาค พัฒนาการเชิงกฎระเบียบ เทคโนโลยี และพฤติกรรมการบริโภค) เพื่อวิเคราะห์เส้นทางการวิวัฒน์และการคลี่คลายสถานการณ์ในอุตสาหกรรม ในภูมิภาค อเมริกาเหนือ ยุโรป และจีน นับตั้งแต่ปี 2020 ไปจนถึงปี 2025

การเว้นระยะห่างทางสังคมและทางกายภาพ จะยังคงส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คนต่อไปอย่างละเลยไม่ได้ตราบเท่าที่ภาวะการณ์แพร่ระบาดยังไม่หายไป ผู้บริโภคได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบและทางเลือกการเดินทางเดินทางขนส่งที่นอกจากจะเอื้ออำนวยต่อการดำเนินชีวิตแล้ว ยังจะต้องบรรเทาปัจจัยเสี่ยงต่อโรคอีกด้วย สมมติฐานที่มีต่อตลาดช่วงก่อนเกิดโรคระบาดนั้น จะไม่สามารถนำมาใช้กำหนดภูมิทัศน์การตลาดอีกต่อไปได้ ช่วงเวลาของการ “กลับสู่ปกติ” ฟังดูห่างไกลและไม่น่าจะมาถึง ในเวลาเช่นนี้ ธุรกิจไม่อาจละเลยการเปลี่ยนแปลงตามที่ได้กล่าวไว้ได้ การเปลี่ยนแปลงนี้เหล่านี้ได้ปรากฏขึ้นแล้ว ย่อมจะคงอยู่และส่งอิทธิพลต่อทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์และต่อตลาดยานยนต์ต่อไป

Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor

The epidemic imposes more pressure on the automotive industry. According to Datium Insights’ analysis, global production went down significantly in all manufacturing bases. By the end of 2020, Japan went down 18%, South Korea down 11%, US down 22%, Germany down 25%, and UK down 29%. China seemed to have a stronghold as the production went down only 3%. Still, the hardship endures.

Even worse, with global supply chains hampered and demands plummeted, new car sales have been sluggish to recover losses in early 2020. The US ended 2020 down 15% while Mexico ended down 30% whereas Canada is still down 22%.

Among European countries, Germany performed the best as its new car sales went down 19% while Spain, France, and Italy went down 32%, 24%, and 27% respectively. On the contrary, South Korea’s slightly and relatively improved as it went down in a low single-digit percentage.

Australia ended the year 2020 at 14%, comparable to Japan’s at 12%. In addition, both countries seemed to take off strong in January 2021 as they theirs went up 11% and 7% respectively. Likewise, although New Zealand ended 2020 at 28%, it managed to takes off in January 2021 at 6% whereas South Korea’s followed at 5%.

More importantly, the industry might need to take notes on the fact that the pandemic and its social-economic influence have behaviorally and culturally contributed to changes in different areas of consumer’s life such as mobility preferences and expectations. Unfortunately, the changes seem to stay after the pandemic subsided.

Perhaps, behavioral changes in mobility preference are among car owners as car owners will drive more while those without car ownership who previously relying solely on public transits are left to invent their own private solution for mobility with safety. As gradually evidenced in China, driving personal car, walking, and biking have become de facto transit modalities among Chinese commuters whereas choices of public transportation have declined since the pandemic incident in early 2020.

Based upon certain social economic indicators (i.e. macroeconomic developments, regulatory developments, technology, and customer behavior), Mckinsey’s analysis offers scenarios for visualizing how the industry in North America, Europe, and China might evolve and unfold through 2021 onward to 2025.  

TAKE-HOME MESSAGE

Social and physical distancing practices significantly continue to affect people’s lives as the pandemic still lingers for some time. Already, consumers have adopted and switched to a transport modality that accommodates their lives while mitigates the pathologic risk factors. The assumptions about the market from the pre-pandemic are no longer valid to accurately draw the market landscape. Back-to-normal moments are by far remote, unlikely to arrive. Businesses cannot afford to neglect these situational changes that come to stay and moderate both the market and the industry.

Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor

コロナの流行は自動車産業に多大なプレッシャーとして圧し掛かりました。Datium Insightsの分析によると、世界の全ての生産製造拠点において大幅な減少となりました。2020年末時点で日本は18％減少、韓国は11％減少、米国は22％減少、ドイツは25％減少、そして英国は29％減少しました。生産量がほんの僅かの3％減少で済んだ中国は事態に対する戦略拠点を持っているように見えました。それでも苦難は続きました。

更に事態を悪化させた事は、世界的なサプライチェーンが打撃を受け、需要が急落したため、新車販売は2020年初頭の世間が損失を回復するべく動きにより低迷しました。米国は2020年に15％減少しメキシコは30％の減少、カナダは未だに22％の減少となっています。

ヨーロッパ諸国の中でもドイツは新車販売が19％の減少でスペイン、フランス、イタリアのそれぞれ32％、24％、27％減少と比べるとベストパフォーマーでした。他方韓国では僅か1桁の下落であっただけではなく比較的観点から改善もみられました。

オーストラリアは2020年を14％で締める事ができました。日本の同年の結果は12％でした。更に2021年1月の両国はそれぞれ11％と7％上昇と力強いテークオフを見せました。同様にニュージーランドは2020年を28％で締め2021年1月は6％でテークオフし韓国5％でそれらに追随しました。

更に重要な事は、この業界はパンデミックとそれによる社会経済的影響がモビリティの好みやそれへの期待等、消費者の生活の様々な領域での変化に於いて行動的、文化的に貢献してたと言う事実を注視する必要があるかもしれません。残念ながら、パンデミックが収まった後もこれらの変化は続いているようです。

おそらく、モビリティに対する好みへの行動変化は自分で車を持ちそれを運転する所有者に起こっており、これに対しこれまでは公共交通機関のみに依存していた車を持たない人々は安全でモビリティのために独自のソリューションを開発する必要に迫られています。中国で徐々に見られ始めているように個人の車の運転、徒歩、自転車での移動は中国の通勤者の間で事実上の交通手段となり始めていおり、2020年初頭のコロナ大流行以来公共交通機関での移動のは減少しています。

幾つかの社会経済指標（例えばマクロ経済の発展、規制の発展、テクノロジー、顧客の行動など）に基づいたマッキンゼーの分析は北米、ヨーロッパ、中国の産業界が2021年から2025年にかけてどのように進化し展開するかを明確にする為のシナリオで示しています。

持ち帰りメッセージ

パンデミックが続いている中、社会的および物理的な距離置きの慣行は人々の生活に大きな影響を与え続けています。既に消費者は病理学的リスク要因を軽減できるような自分たちの生活に対応する輸送手段を採用、切り替え始めています。パンデミック前に立てられた市場予想は最早その精度を欠いておりその有効性を失っています。今までの通常の時間に戻るには、時すでに遅し、でもうそこには戻れないでしょう。企業活動は市場と業界に対してを進路修正を余儀なくさせているこれらの状況の変化を無視する事はできないのです。

Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor