Manufacturing Trends

MEGACITIES IN 2030: The Rise of the Rest​

MEGACITIES IN 2030: The Rise of the Rest​
Share with

Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., MEGA Tech Senior Editor

ไม่ว่าจะหันไปทิศทางใดก็ตาม ภาพที่เห็นชินตา คือ การแผ่ขยายของชุมชนเมืองและการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดทางเทคโนโลยี หลอมรวมเป็นแรงผลักดันอันทรงพลังที่ส่งผลต่อภาพเศรษฐกิจของโลก เมื่อศตวรรษที่แล้วจะมีใครจินตนาการว่าจะมีใครมาอยู่ร่วมกันในเมืองเล็กๆ ที่มีจำนวนประชากรไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน ปรากฎการณ์การต่อตัวขึ้นของ “มหานคร (Megacity)” เริ่มมีให้เห็นพบได้ย้อนไปเมื่อปี 1930 ใน New York City ผลการศึกษาวิจัยขององค์การสหประชาชาติให้นิยามของมหานคร (Megacity) ที่มีประชากรไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคนนี้ กำลังเพิ่มขึ้นในแง่ของจำนวนเมืองที่มีลักษณะเป็นมหานครและในแง่ของความหนาแน่นของประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองมหานคร

MEGACITIES IN 2030: The Rise of the Rest​

องค์การสหประชาชาติรายงานว่าเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา ประชากรโลกถึง 55.3% คิดเป็นจำนวนคือ 4.2 พันล้านคนได้อาศัยตั้งรกรากในเมืองใหญ่ และคาดว่าจะขยายตัวขึ้นอีกถึง 60% ภายในปี 2030 นั่นคือทุก 1 ใน 3 จะพักอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ที่มีประชากรไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน และเมื่อกล่าวถึง “มหานคร” (Megacity) ซึ่งมีจำนวนประชากรพักอาศัยอยู่ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน เรามักนึกถึง โตเกียว เซี่ยงไฮ้ ลอสแองเจลลีส หรือ นิวยอร์คซิตี้ อย่างไรก็ดี ในปี 2030 จะมีเมืองที่เราไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าสักวันเมืองเหล่านี้จะกลายเป็นมหานคร​

MEGACITIES IN 2030: The Rise of the Rest​

​เชื่อหรือไม่ว่า ณ การเติบโตของประชากรในสัดส่วน 90% ของโลกนั้นมาจากทวีปเอเชียและแอฟริกา ทั้งนี้ก็เพราะว่าประชากรในแถบชนบทต่างทยอยเข้ามาพำนักอาศัยอยู่ในเขตเมืองตามรายงานขององค์การสหประชาชาติ นับจนถึง ณ เวลาปัจจุบันนี้พบว่า 22 ใน 33 มหานครนี้ต่างอยู่ในทวีปเอเชียและแอฟริกาทั้งสิ้น ภายในปี 2030 จำนวนประชากรของเมืองเดลี จะโค่นตำแหน่งโตเกียวในฐานที่เป็นเมืองมหานครที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในโลก

MEGACITIES IN 2030: The Rise of the Rest​

เมืองอีกจำนวน 2 ในประเทศจีนกำลังขับสถานะเป็นเมืองมหานครได้แก่ เฉินตุง และ นานกิง ส่วนดาก้า ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศบังกลาเทศเองก็กำลังได้รับตำแหน่งเมืองมหานครที่มีความหนาแน่นประชากรเป็นอันดับที่ 4 ของโลกภายในปี 2030 เช่นกัน ภาวะประชากรหดตัวจะทำให้เมืองโตเกียวหลุดออกจาก Top-10 เมืองมหานครของโลก ในส่วนของทวีปแอฟริกา มหานครไคโรของอียิปต์ และกินชาซา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศคองโก กำลังจะเข้ารอบสู่การเป็น Top-10 เมืองมหานครของโลกภายในปี 2030 เช่นกัน

MEGACITIES IN 2030: The Rise of the Rest​

การศึกษาวิจัยของ Allianz ได้แบ่งสถานะภาพและพัฒนาการของเมืองมหานครออกเป็น 3 กลุ่มด้วย กลุ่มแรกได้แก่ ดาก้า กินชาซา และ ลาก็อส ซึ่งนับว่าเป็นมหานครแรกเกิด ไม่มีการวางผังเมือง ทำให้พบเห็นสลัมได้ทั่วไป ขณะที่สิ่งปลูกสร้างอาคารมีให้เห็นแต่เพียงบางตา ลักษณะเด่นของมหานครประเภทนี้ก็คือช่องว่างความไม่เท่าเทียมกัน มีการบริหารปกครองที่อ่อนแอไม่มีประสิทธิภาพ ระบบขนส่งไม่ทั่วถึง เกิดภาวะการจราจรหนาแน่น และการขาดแคลนการบริการขนส่งขั้นพื้นฐาน​

MEGACITIES IN 2030: The Rise of the Rest​

มหานครกลุ่มที่สองเริ่มมีพัฒนาการขึ้นในระดับหนึ่ง ได้แก่ เซียงไฮ้ เซาเปาโล และเม็กซิโกซิตี้ ซึ่งมีอัตราการเติบโตต่ำอย่างเห็นได้ชัดและกำลังเข้าสู่ภาวะชราภาพด้วย มหานครเหล่านี้มั่งคั่งกว่าและมีระบบการบริหารปกครองที่ดีกว่ามหานครในกลุ่มแรก แต่นี่ก็มิได้หมายความว่ามหานครในกลุ่มที่สองนี้จะมีโครงสร้างผังเมืองในระดับดีเยี่ยม อย่างไรก็ดี ปัญหาหลักของมหานครในกลุ่มที่สองนี้ คือ ประสิทธิภาพและความสามารถในการเชื่อมต่อระบบเส้นทางการเดินรถขนส่งเข้าด้วยกัน จึงเป็นผลให้เกิดการจราจรที่ คับคั่ง โกลาหล นำไปสู่ภาวะมลพิษทางอากาศ​