Article by: Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., MEGA Tech Senior Editor
โครงสร้างการเดินทางขนส่งถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและความสามารถในแข่งขัน แนวคิด Smart Mobility หรือ Smart Transportation จึงเป็นเสมือนแกนกลางที่ค้ำจุนกลยุทธ์ Smart City อันก่อให้เกิดประสิทธิภาพ โดยตามบทวิเคราะห์ของ Ernst & Young รวมกับ IMF มีการประมาณการณ์ว่าทุกๆ หน่วยการลงทุนไปกับโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้จะสร้างผลลัพธ์อรรถประโยชน์ด้วยอัตราส่วน 1:3 โดยประมาณ ซึ่งไม่มีปรากฏการณ์ใดที่จะส่งผลต่อการพัฒนาของชุมชนเมืองได้มากกว่านี้อีกแล้วจึงถือได้ว่าเป็นตัวขับเคลื่อนอันทรงพลัง เพราะชุมชนที่เจริญเติบโตย่อมต้องการการสนับสนุนทางด้านการเดินทาง และทั้งหมดนี้นำไปสู่โอกาสทางธุรกิจสำหรับแต่ละอุตสาหกรรมนานับไม่ถ้วน
URBANIZATION & TRANSPORTATION
องค์การสหประชาชาติได้ออกประกาศพื้นที่ที่มีพัฒนาการไปสู่ความเป็นมหานคร ประกอบด้วยแถบอเมริกาเหนือ (ประชากร 82% อาศัยอยู่ในเขตเมือง) อเมริกาใต้และคาบสมุทรคาริบเบียน (81%) และคาบสมุทรรวมทั้งสหภาพยุโรปด้วย (68%) ระดับของการเปลี่ยนแปลงสู่มหานาครในเอเชียนั้นประมาณการณ์อยู่ที่ 50% ในทางตรงกันข้าม แอฟริกายังคงสภาพดั้งเดิมเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะ 43% เท่านั้นที่ประชากรอาศัยอยู่ในเขตชุมชนเมือง อย่างไรก็ดี ประชากรที่อาศัยอยู่ชุมชนเมืองขนาดใหญ่ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ปี 1950 ที่มีเพียง 751 ล้านคน สู่ 4,200 ล้านคนในปี 2018

Source: Smart Cities: Digital Solution for a More Livable Future (McKinsey & Company), The Economist (UN)
แม้ว่าจะมีพัฒนาการความเป็นชุมชนเมืองค่อนข้างน้อย แต่เอเชียมีประชากรที่อาศัยอยู่เขตเมืองที่สูงนับเป็น 54% ของประชากรในเขตเมืองทั้งโลกรวมกัน ขณะที่ยุโรปและแอฟริกาอยู่ที่ 13% การขยายฐานเนื่องมาจากการเติบโตของประชากรได้ผลักดันให้เกิดปรากฏการณ์และการตั้งรกรากอาศัยในชุมชนเมืองเพิ่มขึ้น โดยรวมแล้วโลกจะมีประชาชนที่อาศัยอยู่ในมหานครเพิ่มขึ้นถึง 2,500 ล้านคนภายในปี 2050 และ 90% ของประชากรเป็นผลมาจากภาวะการเจริญเติบโตที่เกิดขึ้นในเอเชียและแอฟริกา

Source: ITF Transport Outlook 2017 (OECD International Transport Forum), StatLink (dx.doi.org/10.1787/888933442419)
แม้ปัจจุบันประชากรจำนวน 1/2 ได้อาศัยอยู่ในมหานครแล้วก็ตาม องค์การสหประชาชาติได้ประกาศเพิ่มเติมว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะพัฒนาไปเป็น 3/4 ภายในปี 2050 ซึ่งจะส่งผลต่อความต้องการทางด้านโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับพัฒนาการดังกล่าว ที่เป็นรูปธรรมอย่างเห็นได้ชัดเจน ได้แก่ จำนวนของยานพาหนะที่มีอยู่ในเครือข่ายการขนส่งทั้งโลกได้ทะลุไปถึง 1,100 หน่วย ตั้งแต่ 2011 แล้ว และกำลังทะยานไปแตะที่ 2,500 หน่วยภายในปี 2050 ธนาคารได้พยากรณ์ไว้ว่าโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับตัวเลขในปี 2050 นี้ จะเป็น 3 เท่าของที่มีอยู่ในปัจจุบัน มนุษย์มีความจำเป็นด้านการขนส่งเพื่อเข้าถึงแหล่งงาน การบริการ และการอำนวยความสะดวกต่างๆ ทว่าโครงสร้างในปัจจุบันยังขาดความสะดวก ความยืดหยุ่น อีกทั้ง มีข้อจำกัดด้านราคา แม้ว่าพัฒนาการจะมีอยู่ให้เห็นบ้าง แต่นานับไม่ถ้วนที่โครงสร้างการขนส่งในหลายประเทศกำลังประสบปัญหาอายุขัยของโครงสร้างที่รองรับการสัญจรที่มากขึ้น

Source: ITF Transport Outlook 2017 (OECD International Transport Forum)
STRATEGIZING SMART MOBILITY
กลุ่มของกลยุทธ์ในกลุ่มปรัชญาของการใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Smart Mobility หรือ Smart Transportation นี้เป็นที่กล่าวถึงในศาสตร์การบริหารจัดการของแนวคิด Smart City ที่ออกมาแบบเพื่อรับมือกับภาวะประชากรเติบโตอย่างรวดเร็ว Ernst & Young วิเคราะห์ว่า ผลลัพธ์ที่เป็นภาวะเติบโตทางเศรษฐกิจจะเป็นผลโดยตรงมาจากการสร้างากลยุทธ์ทางด้านการเดินทางขนส่งแบบบูรณาการ สำหรับภาค ธุรกิจและการค้าแล้ว กลยุทธ์ฯ ที่ได้กล่าวมานี้ควรมีรากฐานมาจาก 5 ปัจจัย อันได้แก่ ระดับพัฒนาการด้านการขนส่ง ระดับพัฒนาการด้านความพร้อมด้านอาคารสถานที่ข้อมูลข่าวสารการคมนาคมแบบเวลาจริง ระบบจัดค่าธรรมเนียมแบบจุดเดียวจบ และระบบเครือข่ายการเชื่อมต่อต่างรูปแบบเดินทาง
กลยุทธ์ที่สร้างขึ้นจากปัจจัยทั้ง 5 เหล่านี้ย่อมมีความแตกต่างไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ที่ได้รับหรือความเสี่ยงที่ต้องแบกรับ ทั้งนี้ จะแปรผันตรงกับระดับความพร้อมในมิติที่ได้กล่าวไปข้างต้นและขึ้นอยู่กับการร้อยเรียงความสอดคล้องระหว่างระบบขนส่งกับพันธกิจเป้าหมายของเมือง โครงสร้างของ Smart Transportation ควรจะต้องมีขีดความสามารถศักยภาพที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคตได้ ซึ่งในการนี้จำเป็นที่ผู้ออกแบบนโยบายจะต้องมั่นใจว่าได้ตั้งโจทย์ที่ถูกต้องในระหว่างการดำเนินการพัฒนาเมืองให้เป็นไปตามกลยุทธ์ที่ได้วางไว้

Source: Urban Mobility Blueprint (Ernst & Young)
พิมพ์เขียวของโครงสร้างการเดินทางขนส่งแบบ Smart Mobility/Transportation จะเป็นจุดกำเนิดของอีกหลายต่อหลายผู้เล่นในหลายภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง บทวิเคราะห์ของ SILA จะได้ชี้ว่ากิจกรรมทางด้านการลงทุนจำนวนมหาศาลในเทคโนโลยีการเดินทางขนส่งนี้รวมแล้วจะทะลุ 111,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2010 จำนวนกว่า 1,000 ผู้เล่นจาก 10 กลุ่มเทคโนโลยีได้ลงมาเล่นในเกมนี้แล้ว ที่แปลกใจก็คือประมาณ 1/3 ของผู้เล่นเหล่านี้มาจากกลุ่มธุรกิจ Shared-Mobility หรือ การเดินทางขนส่งแบ่งปัน ในขณะที่เหลือเป็นกลุ่มที่เกี่ยวกับระบบออโตเมชันและเครือข่ายการเชื่อมต่อ และมากกว่า 60% ในเม็ดเงิน 111,000 เหรียญสหรัฐนี้ มาจากการลงทุนขนาดใหญ่ซึ่งแต่ละหน่วยการลงทุนมีมูลกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ส่วนต่างเปอร์เซ็นต์ที่แหลือมาจากผู้เล่นย่อยขนาดเล็ก

Source: Capital IQ, Pitchbook, McKinsey Center for Future Mobility.
อย่างไรก็ตาม การลงทุนขนาดย่อมจากหลากหลายบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีจะสร้างปรากฎการณ์ที่สำคัญให้กับตลาด ในขณะที่การลงทุนจากกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของเทคโนโลยี การทำความเข้าใจผู้เล่นขนาดเล็กรวมทั้งบริษัท Start-Up จะกลายเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่สำคัญทางเทคโนโลยี