Article by Suwan Juntiwasarakij, Ph.D. Senior Editor
ยอดขายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทสวมใส่ทะลุเป็นหลักพันล้าน บทวิเคราะห์จาก IDTechEx Wearable Sensors 2018-2028: Technologies, Markets & Players ได้พยากรณ์ว่าตลาดอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณหรือเซ็นเซอร์ (sensor) มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์จะเป็นตัวผลักดันตลาดเทคโนโลยีสวมใส่ให้มีมูลค่าสูงถึง 160 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีสวมใส่ขายได้เป็นพันล้านชิ้นในปีที่ผ่านมา ประสบการณ์การผลิตฮาร์ดแวร์ที่สั่งสมนำมาสู่เกมส์การแข่งขันตัดราคาอันดุเดือด เมื่อประกอบเข้าด้วยกับตัวเซ็นเซอร์ และส่วนประกอบอื่นๆ จะทำให้อุปกรณ์สวมใส่ที่ลงสู่ตลาดมีขีดความสามารถสูง ต่อยอดคุณค่าประโยชน์การใช้งาน บทเรียนสำหรับอุตสาหกรรมนี้ก็คือ ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์อื่นๆ นับว่าเป็นเพียงแค่ “ส่วนประกอบ” ที่มีทีท่าว่าราคาจะถูกกดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตัวเซ็นเซอร์ได้กลายมาเป็นองค์ประกอบสำคัญ เนื่องจากแรงบีบคั้นทางราคาของส่วนประกอบฮาร์ดแวร์ ดังนั้นคุณค่าอันแท้จริงที่บริษัทผู้ผลิตจะได้รับคือข้อมูลที่ส่งออกมาจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพราะเซ็นเซอร์จึงเปรียบเสมือนหัวใจของการตรวจข้อมูล ด้วยเหตุนี้การทำความเข้าใจแนวทางการพัฒนาและแนวโน้มของเซ็นเซอร์ในปัจจุบันจึงมีความสำคัญในการพยากรณ์ศักยภาพของอุตสาหกรรมในอนาคต
THE WAVES OF THE FUTURE
ตามบทวิเคราะห์ของ IDTechEx, อุปกรณ์เซ็นเซอร์ชนิดสวมใส่สามารถแบ่งออกเป็น 3 ระลอก คลื่นลูกแรกได้แก่อุปกรณ์เซ็นเซอร์ที่ผลิตขึ้นเมื่อหลายทศวรรษมาแล้ว ที่นำมาบรรจุลงในผลิตภัณฑ์สวมใส่ในปีก่อนๆ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่อิ่มตัวและเติบโตเต็มที่แล้ว คลื่นลูกต่อมาเป็นผลมาจากการทุ่มเงินลงทุนลงไปกับการผลิตสมาร์ทโฟน อุปกรณ์เซ็นเซอร์ที่บรรจุในสมาร์ทโฟนเหล่านี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์สวมใส่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย และคลื่นลูกสุดท้ายนั้นมาจากปรากฏการณ์ “เห่อ” เทคโนโลยีสวมใส่และการกระหน่ำเม็ดทุน หลายองค์กรเสาะแสวงหาอุปกรณ์เซ็นเซอร์ชนิดต่างๆ ที่จะไปพัฒนาต่อยอดออกแบบผลิตภัณฑ์สวมใส่เป็นของตนเอง อุปกรณ์เซ็นเซอร์เพื่อการสวมใส่นี้ยังอยู่ในช่วงของการทดสอบตลาด แต่ที่ประสบความสำเร็จแล้วก็มีอยู่ไม่น้อย
ขณะที่ตลาดผลิตภัณฑ์สวมใส่มีความผันผวน ขึ้นๆ ลงๆ ผู้ผลิตต่างมุ่งเป้าไปที่การผลิตชิ้นงานสินค้าที่สร้างมูลค่าให้กับตัวเทคโนโลยีมากที่สุด มูลค่าหรือคุณค่าที่สร้างขึ้นเหล่านี้มาจากข้อมูลที่ส่งออกมาจากเซ็นเซอร์นั่นเอง อุปกรณ์ประเภทสมรรถนะร่างกายและนาฬิกาอัจฉริยะเป็นตัวอย่างของอุปกรณ์ที่มีรากฐานมาจากการตรวจข้อมูลสัญญาณชีพและข้อมูลกิจกรรมของผู้สวมใส่ เมื่อผสมผสานรวมเข้ากับอุปกรณ์เสมือนจริงที่มีกล้อง อุปกรณ์เซ็นเซอร์ กล้อง ตัวจับสัญญาณการสั่นสะเทือนและเคลื่อน สัญญาณยั่งความลึก สัญญาณรับแรงกด สามารถทำให้ผู้สวมใส่มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมแบบเสมือนได้ ตัวอย่างเช่นการผ่าตัดอวัยวะภายในร่างกายโดยอาศัยเทคโนโลยีเหล่านี้

(Wearable Sensors 2018-2028: Technologies, Markets & Players by IDTechEx)

(The Wearable Life 2.0 by PWC)
THE DYNAMICS SHIP IN MEDICAL WEARABLES
เทคโนโลยีสวมใส่กำลังจะเชื่อมผู้บริโภคและผู้ผลิตเข้าด้วยอย่างในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ยกระดับการตรวจจับข้อมูลอันนำไปต่อยอดเป็นระบบอัจฉริยะที่ฝังลงไปในตัวผลิตภัณฑ์ซึ่งได้กลายมาเป็นตัวส่งเสริมคุณค่าหลักให้แก่ผลิตภัณฑ์ ในทางการแพทย์แล้ว ข้อมูลและผลการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวได้เปิดมิติใหม่ให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคสื่อสารกันได้อย่างไรรอยต่อ ทำให้เวชศาสตร์ป้องกันมาแทนที่การรักษา ผู้บริโภคสามารถควบคุมดูแลสุขภาพของตนเองได้มากขึ้น
ความสัมพันธ์และพลวัตทางอำนาจในอุตสาหกรรมอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้เกิดขึ้นแล้ว การที่อุปกรณ์เหล่านี้เป็นที่แพร่หลายและผู้บริโภคเองก็ได้สวมใส่อุปกรณ์เหล่านี้อยู่ตลอดเวลา ทำให้ผู้ให้บริการทางการแพทย์ทำได้งานได้ง่ายขึ้น สัญญาณชีพที่ตรวจได้จากผู้สวมใส่นำมาใช้เพื่อการติดตาม วินิจฉัย เพื่อการป้องกันการเจ็บไข้ ทำให้ผู้บริโภคสามารถหลีกเลี่ยงค่ารักษาพยาบาลที่ไม่จำเป็น ลดการเข้ารักษาในสถานพยาบาล และยังสามารถเข้าถึงคำแนะนำด้านโภชนาการและกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพได้อีกด้วย ตามรายงาน Medical Devices 2030 ของ KPMG กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการติดตามทางการแพทย์โดยใช้เทคโนโลยีสวมใส่โตขึ้นถึง 44 เปอร์เซ็นต์ในปี 2016 คาดการณ์ว่าจำนวนผู้ป่วยที่รับบริการติดตามดังกล่าวจะพุ่งทะลุ 50 ล้านคนภายในปี 2021 ในขณะที่มูลค่าตลาดอุปกรณ์ติดตามทางการแพทย์คาดว่าจะแตะ 1.9 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2025

(The Wearable Life 2.0 by PWC)
IMPLICATIONS FOR THE INDUSTRY
ผลิตภัณฑ์สวมใส่สร้างแรงสั่นสะเทือน อิทธิพลของเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ในครั้งนี้ ส่งผลกระทบที่แผ่ขยายไปในทุกวงการอุตสาหกรรมอย่างแทรกซึมและถาวร อย่างไรก็ดี Ernst & Young ได้ให้คำแนะนำว่าอุตสาหกรรมที่ได้อานิสงค์มากที่สุดดูเหมือนจะเป็นผู้บริการทางการแพทย์และบริษัทประกันชีวิตและสุขภาพ การยกระดับมูลค่าและคุณค่าของเทคโนโลยีสวมใส่นี้จะเกิดขึ้นได้ต้อง (a) สร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคที่ตั้งอยู่บนรากฐานความเข้าใจประโยชน์และวัตถุประสงค์ของการแบ่งปันข้อมูลจากผู้บริโภคสู่ผู้ให้บริการ (b) ข้อมูลสัญญาณชีพเชิงลึกจะต้องมีความเพียบพร้อม ประกอบด้วยข้อมูลสัญญาณชีพเชิงประวัติศาสตร์และข้อมูลในรูปแบบเวลาจริงที่ส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อที่ผู้ให้บริการสามารถออกแบบรูปแบบของการออกแบบความสัมพันธ์และผลิตภัณฑ์ที่จะนำเสนอให้กับผู้บริโภคอย่างถูกต้องและเจาะจง ซึ่งต่างกับการรับการบริการทางการสุขภาพแบบทั่วไปที่อาศัยข้อมูลในอดีตแต่เพียงอย่างเดียวและ (c) สร้างสมดุลของฐานลูกค้าและกำไร บริหารจัดการความเสี่ยงอย่างทันท่วงทีและตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพ

(Deloitte 2016 Survey of US Health Care Consumers)