อุตสาหกรรมสามกลุ่มที่มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด

ถ้าเรามองแนวโน้มของปี 2025 เราจะสังเกตเห็นได้ถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในหลายๆ อุตสาหกรรมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (รถยนต์ EV) อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีการแพทย์เฉพาะทาง เป็นสามอุตสาหกรรมหลักที่มีการเติบโตสูงสุด ตลาดรถยนต์ EV เป็นตลาดที่น่าสนใจเป็นพิเศษเนื่องจากแนวโน้มทั่วโลกที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน ซึ่งเราจะเห็นได้จากตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลกของยอดจำหน่ายรถยนต์ EV ซึ่งมีประเทศจีนเป็นผู้นำ ส่วนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีบทบาทสำคัญของตลาดนี้ เนื่องจากการผลักดันของรัฐบาลผ่านทางโครงการสิทธิประโยชน์ต่างๆ

ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เราจะเห็นถึงความก้าวหน้าในด้านอุปกรณ์อัจฉริยะภายในบ้านและอุปกรณ์สวมใส่ต่างๆ รวมถึงการขยายตัวของเครือข่าย 5G และอินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง (Internet of Things หรือ IoT) ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนความต้องการของผู้บริโภค ส่วนในภาคเทคโนโลยีการแพทย์เฉพาะทาง ก็กำลังมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน โดยเฉพาะในด้านของเทคโนโลยีหุ่นยนต์ช่วยเดิน (Exoskeleton) เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าประชากรโลกที่มีอายุเกิน 65 ปีจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2050 ส่งผลให้ความต้องการอุปกรณ์ช่วยเดินเพิ่มสูงขึ้น รัฐบาลไทยได้ริเริ่มนโยบายต่างๆ เพื่อสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมทางสุขภาพ ซึ่งช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้

โอกาสที่น่าสนใจสำหรับผู้ผลิตขนาดเล็กถึงปานกลาง

การเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมทั้งสามกลุ่มนี้เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสที่น่าสนใจสำหรับผู้ผลิตในการสร้างนวัตกรรม เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เฉพาะทาง น้ำหนักเบา และสร้างสรรค์ รวมทั้งยังส่งผลดีอย่างชัดเจนต่อผู้ผลิตขนาดเล็ก เนื่องจากผู้ผลิตขนาดเล็กมักจะดำเนินธุรกิจได้คล่องตัวกว่า

ทำให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็ว ปรับผลิตภัณฑ์ได้ตามความต้องการของตลาด และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดเฉพาะกลุ่มได้ ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ผลิตขนาดใหญ่  คำถามสำคัญสำหรับผู้ผลิตรายเล็กเหล่านี้ก็คือ จะใช้ประโยชน์จากโอกาสที่น่าสนใจเหล่านี้ได้อย่างไร ถึงแม้ว่าจะมีหลายแนวทางที่สามารถทำได้เพื่อตอบคำถามนี้ แต่ลูกค้าของเราเชื่อว่ากุญแจสำคัญของความสำเร็จนั้นอยู่ที่การเลือกลงทุนกับเทคโนโลยีที่เหมาะสม เทคโนโลยีที่ไม่ได้แค่ตอบสนองความต้องการของวันนี้ แต่ยังรองรับความต้องการในอนาคตข้างหน้าได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งไม่ใช่แค่ลูกค้าของเราที่กำลังเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบเพิ่มเนื้อ (Additive Manufacturing) แต่ยังมีผู้ผลิตทั่วโลกจำนวนมากขึ้นเรื่อยที่กำลังเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีนี้เช่นเดียวกัน เหตุผลในการเปลี่ยนนั้นก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนและระยะเวลาการผลิตลดลง รวมถึงความสามารถในการปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการ

เพิ่มประสิทธิภาพให้การผลิตแบบเพิ่มเนื้อด้วยระบบพ่นกาวบนผงวัสดุ

การผลิตแบบเพิ่มเนื้อ หรือที่เรียกอีกอย่างว่า การพิมพ์ 3 มิติ เป็นกระบวนการสร้างชิ้นงานแบบทีละชั้นโดยการเพิ่มเนื้อวัสดุตามโมเดลดิจิตอล 3 มิติ วิธีการนี้ช่วยให้ประหยัดวัสดุได้มากขึ้นและมีปริมาณวัสดุเหลือทิ้งน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการผลิตแบบลดเนื้อ (Subtractive Manufacturing) ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตที่เริ่มจากวัสดุชิ้นงานแท่งใหญ่ จากนั้น ตัดเฉือนเนื้อวัสดุส่วนเกินออกจนกระทั่งได้ออกมาเป็นรูปทรงสุดท้ายที่ต้องการ

การผลิตแบบเพิ่มเนื้อช่วยให้สามารถผลิตชิ้นงานที่มีรูปทรงละเอียดและซับซ้อน รวมไปถึงการผลิตโพรงภายในชิ้นงานและโครงสร้างแบบผลึก ซึ่งมักจะไม่สามารถทำได้ด้วยวิธีการตัดเฉือนทั่วไป การผลิตแบบเพิ่มเนื้อจึงให้อิสระในการออกแบบชิ้นงาน ช่วยให้สร้างนวัตกรรมได้หลากหลายยิ่งขึ้น พัฒนาต่อยอดการออกแบบได้ง่ายและไม่แพง ปรับแต่งชิ้นงานได้ตามความต้องการ และยังสามารถผลิตชิ้นงานน้ำหนักเบาได้อีกด้วย

วิธีการผลิตแบบเพิ่มเนื้อแบบพิเศษอย่างหนึ่งเรียกว่า การพ่นกาวบนผงวัสดุ (Binder Jetting) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเจ็ดรูปแบบของการผลิตแบบเพิ่มเนื้อตามข้อกำหนด ASTM International การพ่นกาวบนผงวัสดุเป็นกระบวนการผลิตแบบรวดเร็วสำหรับผลิตชิ้นงานโลหะโดยไม่ต้องใช้เลเซอร์หรือเครื่องมือตัด ซึ่งมักจะมีต้นทุนสูงและต้องใช้ระยะเวลานาน การพ่นกาวบนผงวัสดุจะใช้หัวพิมพ์อิงค์เจ็ตอุตสาหกรรม เพื่อพ่นสารยึดติดลงบนผงวัสดุที่เป็นชั้นบางๆ โดยผงวัสดุนี้อาจเป็นได้ทั้งโลหะ ทราย เซรามิก หรือวัสดุคอมโพสิต กระบวนการผลิตความเร็วสูงนี้จะถูกทำซ้ำๆ กันทีละชั้น โดยใช้คำสั่งงานจากไฟล์ออกแบบดิจิตอล จนกระทั่งออกมาเป็นรูปทรงชิ้นงานที่สมบูรณ์ วิธีการนี้ช่วยให้ผลิตได้รวดเร็วและปรับแต่งชิ้นงานได้ง่าย จึงเหมาะเป็นพิเศษสำหรับการตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรม การปรับแต่งผลิตภัณฑ์ และประสิทธิภาพการผลิตในอุตสาหกรรมรถยนต์ EV อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีการแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา

ระบบพ่นกาวบนผงวัสดุของ Desktop Metal

Desktop Metal คือผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการพ่นกาวบนผงวัสดุด้วยผลิตภัณฑ์ระบบพ่นกาวบนผงวัสดุที่หลากหลายและครอบคลุม เช่น Shop System™ และ X25Pro ซึ่งสามารถผลิตชิ้นงานโลหะคุณภาพสูงและรูปทรงซับซ้อนได้อย่างรวดเร็วในราคาที่ไม่แพง

Shop System เป็นเครื่องพิมพ์ 3 มิติแบบรอบเดียวที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับโรงงานและธุรกิจ SME โดยสามารถผลิตชั้นทั้งหมดของชิ้นงานได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น และพิมพ์ได้เร็วกว่าถึง 10 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับระบบหลอมผงวัสดุทีละชั้นด้วยเลเซอร์ (Laser Powder Bed Fusion) ผู้ผลิตจึงสามารถพิมพ์ชิ้นงานได้หลายร้อยชิ้นในชั่วข้ามคืน ส่งผลให้สามารถลดระยะเวลาการผลิตและเพิ่มกำลังการผลิตได้อย่างมาก นอกจากนี้ ระบบนี้ยังสามารถพิมพ์ชิ้นงานได้ด้วยความละเอียดสูง ช่วยให้สามารถผลิตชิ้นงานที่มีรูปทรงซับซ้อนได้อย่างละเอียด รวมทั้งให้คุณภาพผิวงานสูง                X25Pro เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์แบบขยายขนาดได้จากตระกูล X-Series ซึ่งมีระบบ Triple ACT ที่ได้รับสิทธิบัตรแล้ว ช่วยให้ชิ้นงานมีคุณภาพผิวงานดีเยี่ยมและรองรับการพิมพ์ด้วยวัสดุเฉพาะทาง เครื่องพิมพ์ขนาดกลางรุ่นนี้ยังใช้ TurboFuse™ กาวความแข็งแรงสูงและความเร็วสูงที่ช่วยให้พิมพ์ชิ้นงานได้เร็วขึ้นประมาณ 50%

เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องพิมพ์รุ่นก่อนหน้า เนื่องจากมีส่วนประกอบทางเคมีปรับปรุงใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดติดกับผงโลหะและแห้งตัวได้รวดเร็ว ช่วยให้ไม่ต้องให้ความร้อนทีละชั้นและพิมพ์ชิ้นงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เทคโนโลยีของเรานอกจากจะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแล้ว ยังช่วยให้ชิ้นงานที่ยังไม่ผ่านการเผา (Green Part) มีความแข็งแรงมากขึ้น ช่วยให้กำจัดผงโลหะส่วนเกินได้ง่ายขึ้นและผลิตผลโดยรวมสูงขึ้น

การเปลี่ยนแปลงได้เดินทางมาถึงแล้ว

การผลิตแบบดิจิตอลกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากการออกแบบผลิตภัณฑ์ต้องรวดเร็วขึ้นและอายุของผลิตภัณฑ์นั้นสั้นลง การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้จำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่ช่วยให้ผลิตได้ยืดหยุ่นมากขึ้นและผลิตชิ้นงานที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับอุตสาหกรรมทั้งสามกลุ่มที่เรากล่าวถึงไปแล้วก่อนหน้านี้ ถึงแม้ภาคการผลิตจะมีการแข่งขันสูง แต่ก็เป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจ SME ที่จะหันมาสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีระบบพ่นกาวบนผงโลหะ และยังเป็นโอกาสสำคัญของธุรกิจ SME ที่จะลงทุนกับเทคโนโลยีที่พร้อมรองรับการขยายขนาดเพิ่มเติมในอนาคต

Article by: MEGATech & Thaisakol Group Co., Ltd.<< Click Here

Three sectors experience significant growth

As we look ahead to 2025, we are observing notable growth in several industries across Asia Pacific. The electric vehicle (EV), consumer electronics, and customized healthcare sectors are leading this growth for several reasons. The EV market is of particular interest due to the global shift towards sustainability, as evidenced by the substantial surge in global EV sales, which is led by China.

In Southeast Asia, Thailand is a noteworthy player in this market, driven by the government’s strategic incentive program.               

In the consumer electronics sector, advancements in smart home devices and wearables, as well as the proliferation of 5G networks and the Internet of Things (IoT), are driving consumer demands.

The customized healthcare market, particularly in areas such as exoskeletons, is experiencing significant growth due to the global population aged 65+ expected to double by 2050, resulting in increased demand for mobility aids. The government of Thailand has launched initiatives to foster healthcare innovations, contributing to a favorable environment for the development and adoption of these technologies.

Significant opportunities for small to medium manufacturers

The rapid growth of these industries has created substantial opportunities for manufacturers to innovate, such as with customizable, lightweight, and creative designs.

This is particularly beneficial for smaller manufacturers, as they often have the agility to respond quickly, adapt their offerings, and meet niche market demands that may be more challenging for larger manufacturers to fulfill.

A key question for them is how to capitalize on these substantial opportunities. While there are likely several viable approaches to achieving this goal, our customers believe that the key to success lies in investing in the right technology—one that not only meets today’s demands but is also built for the future. Not only are our customers adopting additive manufacturing (AM) technology, but an increasing number of manufacturers worldwide have as well.

The reasons for this are numerous, including the facilitation of innovation, enhanced efficiency, reduced production costs and time, and advanced customization.

The power of additive manufacturing with binder jetting

Additive manufacturing, also known as 3D printing, is a process that builds parts layer by layer by adding material from a 3D digital model.

This approach enhances material efficiency and minimizes waste compared to subtractive manufacturing (SM), which starts with a solid block of material and removes excess material to create the desired final shape. AM allows for highly complex and intricate geometries, including internal cavities and lattice structures, which are often impossible with traditional machining.

This design freedom in AM facilitates innovation, easy and inexpensive design iteration, advanced customization, and lightweight part production.

A specialized form of additive manufacturing called binder jetting, one of seven categories of AM recognized by ASTM International. Binder jetting is a rapid process that produces metal parts without lasers or tooling, which can be costly and often have long lead times.

Instead, binder jetting uses an industrial inkjet printhead to quickly deposit a bonding agent onto a thin layer of powdered particles, either metal, sand, ceramics, or composites. This high-speed process is repeated, layer-by-layer, using instructions from a digital design file, until the object form is complete.

This method allows for rapid production and easy customization, making it ideal for meeting the increasing demand for innovation, customization and efficiency in the dynamic EV, consumer electronics, and customized healthcare sectors.

Desktop Metal’s binder jetting systems

Desktop Metal is the global leader in binder jetting technology, as demonstrated by its extensive portfolio of binder jetting systems. The Shop System^TM and the X25Pro, for instance, deliver high-quality, complex metal components efficiently and affordably.

Designed specifically for machine shops and SMEs, the Shop System’s single-pass print engine can produce entire layers of parts in mere seconds, achieving print speeds up to 10 times faster than laser powder bed fusion systems.

This efficiency enables manufacturers to print hundreds of parts overnight, significantly reducing lead times and increasing throughput. The system’s high-resolution printing capabilities ensure that even intricate geometries are produced with exceptional detail and surface finish.

The X25Pro is part of the X-Series family of scalable printers, which feature patented Triple ACT for excellent surface quality and specialty materials. This mid-volume system is enhanced with TurboFuse™, a high-speed, high-strength binder that improves print speeds by approximately 50% over previous systems. Its intelligent chemistry enhances adhesion to metal powders and dries quickly, eliminating the need for layer-by-layer heating and accelerating the printing process.

This advancement not only boosts productivity but also results in stronger green parts, facilitating easier depowdering and improving overall yields.

Time to act

Digital manufacturing is undergoing a transformation, with faster and shorter product innovation and lifecycles.

To deal with this change, we need tools to enable flexible manufacturing and optimized complex design for the three industries previously outlined. Competition is fierce, but also an opportunity for SMEs to gain a competitive edge with the help of metal binder jetting technology. This is a pivotal opportunity for SMEs to invest in this scalable, future-ready technology.

Article by: MEGATech & Thaisakol Group Co., Ltd.<< Click Here

3セクターで大幅な成長を体験

2025年を見据えるとアジア太平洋地域全体において複数の業界で顕著な成長が見られる。電気自動車（EV）、コンシューマーエレクトロニクス、そしてカスタマイズヘルスケアの各セクターが幾つかの理由からこの成長を牽引している。EV市場は世界的な持続可能性へのシフトで特に注目を集めており中国を筆頭に世界的なEV販売台数の大幅な増加がそれを物語っている。東南アジアでは政府の戦略的インセンティブプログラムの推進を受けてタイがこの市場で注目すべき存在となっている。

コンシューマーエレクトロニクス分野ではスマートホームデバイスやウェアラブル機器の進化や5Gネットワ​​ークとIoT（モノのインターネット）の普及が消費者需要を牽引している。カスタマイズヘルスケア市場、特にエクソスケルトンなどの分野では世界の65歳以上の人口が2050年までに倍増すると予想されており移動補助器具の需要増加に伴い大幅な成長を遂げている。タイ政府はヘルスケアイノベーションを促進するための取り組みを開始しておりこれらの技術の開発と導入に好ましい環境づくりに貢献している。

中小製造業にとって大きなチャンス

これらの業界の急速な成長はカスタマイズ性、軽量性、そして独創的な設計といったイノベーションを生み出す大きな機会をメーカーにもたらしている。これは特に中小製造業にとって有益だ。なぜならば彼らは迅速な対応力、製品ラインアップの調整能力、そして大規模メーカーにとっては対応が難しいニッチな市場ニーズへの対応力を持っているからだ。                        

これらの企業にとって重要な課題はこの大きなチャンスをどのように活用するかという事だ。この目標を達成するための有効なアプローチは幾つか考えられるが当社の顧客は成功の鍵は適切な技術つまり今日のニーズを満たすだけでなく将来を見据えた技術への投資にあると考えている。当社の顧客だけではなく世界中で多くのメーカーが積層造形（AM）技術を採用している。その理由は多種多様だが例を挙げればイノベーションの促進、効率性の向上、製造コストと時間の削減、高度なカスタマイズ等だ。

バインダージェッティングを利用した積層造形の威力

3Dプリンティングとも呼ばれる積層造形は3Dデジタルモデルから材料を層ごとに積み重ねる事で部品を造形するプロセスだ。このアプローチは材料の塊からスタートして余分な材料を除去し最終形状を形成するサブトラクティブ・マニュファクチャリング（SM）と比較して材料効率を高め廃棄物を最小限に抑える。

AMは従来の機械加工では不可能な内部キャビティや格子構造など非常に複雑で精巧な形状を可能にする。AMにおけるこの設計自由度はイノベーション、容易で低コストな設計反復、高度なカスタマイズ、軽量部品の製造を促進する。

バインダージェッティングと呼ばれる特殊な積層造形法はASTM Internationalが認定する7つのAMカテゴリーの1つだ。このバインダージェッティングはレーザーやツーリングを使用せずに金属部品

を迅速に製造するプロセスである。レーザーや金型はコストが掛かりリードタイムが長い場合が多い。バインダージェッティングでは産業用インクジェットプリントヘッドを使用して金属、砂、セラミック、複合材などの粉末粒子の薄い層に接着剤を素早く塗布する。この高速プロセスはデジタル設計ファイルからの指示に基づきオブジェクト形状が完成するまで層ごとに繰り返される。この手法は迅速な生産と容易なカスタマイズを可能にしダイナミックEV、コンシューマーエレクトロニクス、カスタマイズヘルスケア分野におけるイノベーション、カスタマイズ、効率性に対する高まる需要に応えるのに最適だ。

Desktop Metalのバインダージェッティングシステム

Desktop Metalは幅広いバインダージェッティングシステムのポートフォリオを誇るバインダージェッティング技術の世界的リーダーだ。例えばShop SystemTMとX25Proは高品質で複雑な金属部品を効率的かつ低コストで製造できる。

機械工場や中小企業向けに特別に設計されたShop Systemのシングルパスプリントエンジンはわずか数秒で部品の全層を造形できレーザーパウダーベッドフュージョンシステムと比較して最大10倍の印刷速度を実現する。この効率性によりメーカーは数百個の部品を一晩で造形できるためリードタイムを大幅に短縮しスループットを向上させる事ができる。このシステムの高解像度造形機能で複雑な形状でも優れたディテールと表面仕上げを実現可能だ。

X25Proは優れた表面品質と特殊材料に対応する特許取得済みのTriple ACTを搭載したスケーラブルなXシリーズプリンターファミリーの一員である。この中規模生産システムは高速・高強度バインダーであるTurboFuse™を搭載し従来機比で約50%のプリント速度向上を実現する。インテリジェントな化学反応により金属粉末への密着性が向上し乾燥も速いため層ごとの加熱処理が不要となりプリントプロセスが加速する。この進歩は生産性の向上だけでなくより強度の高いグリーンパーツの作製にもつながり脱粉が容易になり全体的な歩留まりも向上する。

行動を起こそう

デジタル製造業は変革期を迎えており製品のイノベーションとライフサイクルはより迅速化・短縮している。この変化に対応するには前述の3業界において柔軟な製造と最適化された複雑な設計を可能にするツールが必要だ。競争は熾烈だが中小企業にとって金属バインダージェッティング技術を活用する事で競争優位性を獲得するチャンスでもある。これは中小企業にとって拡張性に優れ将来を見据えたこの技術への投資に極めて重要な機会なのだ。

Article by: MEGATech & Thaisakol Group Co., Ltd.<< Click Here