Saving & Conservation Energy

บทบาทของเชื้อเพลิงฟอสซิลและโอกาสทางธุรกิจในยุคการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

บทบาทของเชื้อเพลิงฟอสซิลและโอกาสทางธุรกิจในยุคการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
Share with

Article by: Pornphimol Winyuchakrit (Ph.D.)
Sustainable Energy and Low Carbon Research Unit
Sirindhorn International Institute of Technology, Thammasat University

การลดลงอย่างรวดเร็วของต้นทุนการผลิตพลังงานจากแหล่งพลังงานทดแทนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างรวดเร็ว ในปี 2014 ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมมีมูลค่า 0.11 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ในขณะที่ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์อยู่ที่ 0.17 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง แต่ในปี 2017 IRENA รายงานว่าต้นทุนเฉลี่ยทั่วโลกของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมแบบบนบกเท่ากับ 0.05 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เท่ากับ 0.06 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง  ทั้งนี้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมได้รับการคาดการณ์ว่าจะเท่ากับ 0.04 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ในปี 2020

รูปด้านล่างแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของการใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานต่าง ๆ ในอดีต จะเห็นได้ว่าความต้องการใช้ถ่านหินเป็นแหล่งพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงศตวรรษที่ 19 และเริ่มลดลงหลังจากนั้น โดยความต้องการใช้น้ำมันและก๊าซเริ่มเข้ามาแทนที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่จะเห็นได้ว่าในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา ความต้องการใช้พลังงานทดแทนโดยเฉพาะ พลังงานลม น้ำ และแสงอาทิตย์ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ในขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันและก๊าซเป็นแหล่งพลังงานเริ่มลดลง BP Energy Outlook รายงานว่าการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วกว่าแหล่งพลังงานอื่น โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2040 การผลิตพลังงานจากพลังงานทดแทนจะมีสัดส่วนเป็นร้อยละ 14 ของแหล่งพลังงานทั้งหมด และการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 150 เมื่อเทียบกับปี 2015

บทบาทของเชื้อเพลิงฟอสซิลและโอกาสทางธุรกิจในยุคการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

Historical Shares and Changes of Global Energy Resources

จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมีนัยสำคัญที่บ่งชี้ว่าการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของตลาดพลังงานทั่วโลก โดยเฉพาะผลกระทบต่อโครงสร้างของบริษัทธุรกิจน้ำมันและก๊าซ รวมถึงประเทศผู้ค้าและส่งออกน้ำมันและก๊าซมีแนวโน้มที่จะต้องประสบกับความท้าทายอย่างมากต่อการหยุดชะงักและการรักษาโครงสร้างธุรกิจที่มีอยู่  นั่นจึงเป็นที่มาของคำถามว่า “จะทำอย่างไรให้บริษัทธุรกิจน้ำมันและก๊าซสามารถคงอยู่ต่อไปได้ในสภาวะที่สถานการณ์ด้านพลังงานของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้?” เพราะฉะนั้นการทำความเข้าใจถึงรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีพลังงานเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะมีผลต่อการปรับโครงสร้างของธุรกิจบริษัทธุรกิจน้ำมันและก๊าซ รวมถึงโอกาสในการลงทุนทางพลังงานต่อไปในอนาคต ในทางกลับกัน ต้นทุนการผลิตพลังงานจากพลังงานทดแทนที่ลดลงนับได้ว่าเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้บริโภคหรือสถานประกอบการขนาดเล็กที่จะสามารถเปลี่ยนบทบาทไปเป็นผู้ผลิตพลังงานขนาดเล็กได้ด้วยเช่นเดียวกัน การศึกษาข้อมูลทางเทคโนโลยีพลังงานอย่างรอบด้านจะสามารถช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับทิศทางการลงทุนในช่วงเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในอนาคตได้เป็นอย่างดี