Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor

According to a survey of 352 machine learning experts, there is a 50% chance that AI will outperform humans in all tasks in 45 year and, therefore, there is a 50% chance that machines will take all jobs in 120 years. Moreover, machine will outperform human at translation, trucking driving, and essay writing in 10 years.

Machine takeover is a hypothetical scenario in which artificial intelligent (AI) becomes the dominant form of intelligence on Earth, with computer programs or robot effectively take the control of the planet away from human species.

Possible scenarios include replacement of the entire human workforce, takeover by a super intelligent AI, and the popular notion of a robot uprising. Some public figures, such as Stephen Hawking and Elon Musk, have advocated research into precautionary measures to ensure future super intelligent machines remain under human control.

Researchers from Oxford University’s Future of Humanity Institute and Yale University predicted that machine will be better than humans at translating languages by 2024, writing high-school essays by 2026, driving a truck by 2027, and working in retail by 2031. By 2049, machines will be able to write a best seller and by 2053 they will be working as surgeons.

The changeover has already started. Sales of professional service robots, those used for nonindustrial functions such as logistics, inspections, and maintenance, reached 271,000 units in 2018, up 61% from 2017, according to International Federation of Robotics (IFR). There are now 2.7 million industrial robots operating in factories worldwide, and the IFR expects that to increase to 4 million by 2022.

TAKE-HOME MESSAGE

All in all, history suggest that worst fears of machine making human obsolete never come true. In some quarters, AI and robotics are considered the Fourth Industry Revolution, following the transformations in the past in the 18^th, 19^th, and 20^th centuries. While displacement of jobs occurred in each wave of new technology, new jobs emerged to balance out some of the pain.

Technological progress has vastly shifted the composition of employment, from agriculture and artisan shop, to manufacturing and clerking, to service and management occupations. As a World Economic Forum survey concluded, while 75 million jobs may be displaced, 133 million new roles may emerge that are more adapted to the division of labor among humans, machines, and algorithms.

Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor

จากการสำรวจผู้เชี่ยวชาญด้านแมชชีนเลิร์นนิงจำนวน 352 คน พบว่ามีโอกาสถึง 50% ที่ AI จะทำงานได้ดีกว่ามนุษย์ในทุกงานภายใน 45 ปี ดังนั้นจึงมีโอกาสถึง 50% ที่จักรกลจะทำงานแทนที่มนุษย์ได้ทุกงานภายใน 120 ปี ยิ่งไปกว่านั้นจักรกลยังประสิทธิภาพสูงกว่ามนุษย์ในด้านการแปล การขับรถบรรทุก และการเขียนเรียงความภายใน 10 ปีข้างหน้านี้

“Machine Takeover” เป็นสถานการณ์สมมติที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กลายเป็นสิ่งทรงปัญญาครอบครองโลก โดยที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือหุ่นยนต์สามารถเข้าควบคุมโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกีดกันมนุษย์มิให้ขวางทางในการเข้าครอบครองดังกล่าว

สถานการณ์ที่เป็นไปได้ ได้แก่ การแทนที่แรงงานมนุษย์ทั้งหมดด้วย super intelligent AI อันเป็นที่มาของจินตนาการทางวิทยาศาสตร์ยอดนิยมที่ว่าด้วยการลุกฮือของหุ่นยนต์  บุคคลมี่มีชื่อเสียงหลายท่าน เช่น Stephen Hawking และ Elon Musk ต่างสนับสนุนการค้นคว้าวิจัยมาตรการป้องกัน เพื่อให้แน่ใจว่าในอนาคตจักรกลเหล่านี้จะอยู่ภายใต้การควบคุมของมนุษย์

นักวิจัยจากสถาบันอนาคตแห่งมนุษยชาติแห่งมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดและมหาวิทยาลัยเยล คาดการณ์ว่าเครื่องจักรมีขีดความสามารถมากกว่ามนุษย์ในการแปลภาษาภายในปี 2024 เขียนบทความระดับมัธยมปลายภายในปี 2026 ขับรถบรรทุกภายในปี 2027 และทำงานในร้านค้าปลีกภายในปี 2031 ภายในปี 2049 เครื่องจักรจะสามารถเขียนหนังสือขายดีได้ และภายในปี 2053 จักรกลเหล่านี้จะมีขีดความสามารถในการทำงานทดแทนศัลยแพทย์

การเปลี่ยนแปลงได้เริ่มขึ้นแล้ว ในปี 2018 ยอดขายหุ่นยนต์สำหรับงานบริการระดับมืออาชีพที่ไม่ใช่อุตสาหกรรม เช่น โลจิสติกส์ การตรวจสอบ และการบำรุงรักษา มีจำนวนถึง 271,000 เครื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้น 61% จากปี 2017 ตามข้อมูลของ International Federation of Robotics (IFR) พบว่าขณะนี้มีหุ่นยนต์อุตสาหกรรมจำนวน 2.7 ล้านตัวที่ทำงานในโรงงานทั่วโลกและ IFR คาดว่าจะเพิ่มเป็น 4 ล้านตัวภายในปี 2022

TAKE-HOME MESSAGE

เมื่อพิจารณาเหตุการณ์ตามประวัติศาสตร์แล้วจะพบว่าความน่ากลัวที่ถูกชี้นำว่าเครื่องจักรจะทำให้มนุษย์หมดความสำคัญนั้นไม่เคยเป็นความจริง ข้อเท็จจริงหนึ่งก็คือ AI และหุ่นยนต์ถือเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ตามที่ปรากฎขึ้นในการเปลี่ยนแปลงในอดีตในศตวรรษที่ 18, 19 และ 20 ในขณะที่มีโยกย้ายเกิดขึ้นและดับไปของงานอันเป็นผลจากคลื่นของเทคโนโลยีลูกใหม่ ในที่สุดงานใหม่ ๆ ก็เกิดขึ้นซึ่งถือว่าเป็นการปรับสมดุลของภาวะการเปลี่ยนผ่านนี้

Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor

352人の機械学習の専門家の調査によればAIが今後45年に全てのタスクで人間を上回る可能性が50％あると言う事でそれは機械が今後120年で全ての仕事を引き受ける可能性は50％。更に機械は10年以内に翻訳、トラック運転、エッセイの執筆において人間よりも優れたパフォーマンスを発揮するであろう。

機械が人間に取って代わると言うのは人工知能（AI）が地球上の知能の支配的な形態になり、コンピュータープログラムまたはロボットが地球の管理支配を人類からスンナリと奪い取るという空想のシナリオだ。

考えられるシナリオには人間の労働力の完全な置き換え、超インテリジェントAIによる乗っ取り、そしてロボット蜂起の一般的な概念が含まれる。スティーブンホーキングやイーロンマスクなどの一部の有名人は将来の超インテリジェントマシンが人間の管理下にとどまるようにするための予防措置の研究を提唱している。

オックスフォード大学のFutureof Humanity Instituteとイェール大学の研究者は2024年までに言語を翻訳し、2026年までに高校のエッセイを書き、2027年までにトラックを運転し、2031年までに小売業で働くという点で、機械は人間よりも優れてくるばかりでは無くベストセラーを書くことができ、2053年までには外科医として活躍するであろうと予測ている。

この変化は既に起こっている。国際ロボット連盟（IFR）によればロジスティクス、検査、保守などの非産業機能に使用される専門サービスロボットの販売は2018年に271,000台に達し、2017年から61％増加したと。現在世界中の工場で270万台の産業用ロボットが稼働しており、IFRは2022年までには400万台に増加すると予測している。

押えて置きたい事項

歴史はいままで人間をダメにする最悪の機械出現の恐れは決して実現しない事を示唆している。一部の地域ではAIとロボット工学は、18世紀、19世紀、20世紀の過去の変革に続いて第4次産業革命と見なされている。新しいテクノロジーの波のたびに仕事の置き換えが発生したが、それに伴った痛みの一部を相殺するために新しい仕事が出現した。