ในทุกอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นงานมีหลายตัวแปรที่จะเป็นตัวกำหนดถึงความถูกต้องแม่นยำ และประสิทธิภาพการผลิตชิ้นงาน ระบบการยึดจับชิ้นงาน ( Workholding System ) เป็นอีกส่วนที่มีความสำคัญเช่นกัน แม้ในหลายๆครั้งเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตอาจมีประสิทธิภาพสูงและสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่กลับต้องได้รับความเสียหายและทำให้การผลิตมีคุณภาพไม่เพียงพอเนื่องจากการยึดจับชิ้นงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ชิ้นงานมีลักษณะบางเป็นพิเศษ หรือมีลักษณะเฉพาะที่ยากต่อการยึดจับ ผลที่ได้รับนั่นคือเมื่อทำการผลิตชิ้นงานทำให้คุณภาพชิ้นงานที่ได้มีความแม่นยำไม่เพียงพอ จำเป็นต้องใช้ความเร็วในการผลิตต่ำกว่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานร่วมกับเครื่อง High Speed Machining Center อีกทั้งยังมีผลทำให้เครื่องมือที่ใช้ในการตัดเกิดความเสียหายและสึกหรอเร็วกว่าที่ควรอันเนื่องมาจากการรับภาระโหลดที่มากกว่าปกติ ดังนั้นระบบ Workholding System จึงเข้ามามีบทบาทมากขึ้นโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นงานที่มีความซับซ้อนสูงไม่สามารถยึดจับด้วยหัวChuckทั่วไปที่มาพร้อมกับเครื่องจักรได้ ชิ้นงาน Routine ที่มีปริมาณการใช้งานที่เยอะมากและต้องการความแม่นยำต่อเนื่องเท่ากันในทุกๆชิ้นงาน หรือในอีกหลายๆกรณีจึงเป็นที่มาของการพัฒนาระบบ Workholding System อย่างจริงจังซึ่งในแต่ละผู้ผลิตได้มีการพัฒนารูปแบบการยึดจับชิ้นงานที่แตกต่างกันออกไป
การเปลี่ยนการยึดจับจากการยึดจับภายนอกมาเป็นการยึดจับภายในโดยไม่จำเป็นต้องถอดอุปกรณ์ยืดฐานจับและสามารถทำได้อย่างง่ายดายภายใน2นาทีคือนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่เกิดขึ้นของ Hainbuch modular system อุปกรณ์จับยึดโดยทั่วไปยังคงเป็นอุปกรณ์ที่มาพร้อมกับเครื่องจักรที่ทำหน้าที่ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นๆกับเครื่องจักรในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการยึดจับภายนอกและภายใน การเลื่อย หรือการตัดชิ้นงานแบบแท่งยาวย่อมเกิดผลกระทบจากแรงสะท้อนกลับ (Pull-Back) ที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน ดังนั้นระบบการยึดจับที่ดีจำเป็นต้องให้ความแข็งแรงและคงตัวสูงประกอบกับจะต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม เช่น ให้ความแข็งแรงและคงตัวสูง ลดการสั่นสะเทือน และสามารถกำจัดเศษได้ด้วยอัตราเร็วสูงสุด
ยึดจับชิ้นงานได้ทุกรูปแบบ เพื่องานกัดและงานกลึงโดยเฉพาะ
สามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวางสำหรับงานขนาดเล็กไปจนถึงงานที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 200 มิลลิเมตร นอกจากนี้ยังถูกนำมาใช้เป็นโมดูลชนิด JAW ซึ่งจะสามารถใช้ด้ามจับและหัวยึดจับในรุ่นมาตรฐานได้ ดังนั้นระบบโมดูลล่าร์นี้จะมีความสบบูรณ์และที่สุดนั้นคือเป็นระบบ 3 in 1 – I.D. clamping, O.D. clamping และ jaw clamping
ตัวยันศูนย์สำหรับงานกลึงที่เน้นคุณภาพ และความแม่นยำ
ตัวยันศูนย์เป็นเครื่องมือที่ช่วยสำหรับยึดชิ้นงานที่จุดศูนย์ตรงกลางของชิ้นงาน เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการจับยึดชิ้นงาน โดยลักษณะทั่วไปหัวของตัวยันศูนย์จะมีมุม 60° แต่สำหรับงานที่ต้องการกลึงด้วยแรงกดสูงหัวของตัวยันศูนย์จะมีมุม 75°
ในการใช้งานทั่วๆไปของตัวยันศูนย์ (Live Centre) จะเน้นงานที่ต้องการความร่วมศูนย์ โดยเฉพาะงานที่ต้องมีการทำงานตั้งแต่ 2 กระบวนการขึ้นไปโดยที่ยังคงความแม่นยำไว้ได้ ยกตัวอย่างเช่นการกลึงชิ้นงานโดยเครื่องกลึง (Lathe) จากนั้นส่งชิ้นงานไปชุบผิวแข็ง และอบคืนตัว สุดท้ายจะทำการเจียระไนผิวงาน การใช้ตัวยันศูนย์ในกระบวนการกลึง และเจียระไน จะส่งผลให้ชิ้นงานมีค่าความร่วมศูนย์ และมีความแม่นยำสูงสุด
นอกจากนั้นตัวยันศูนย์ยังสามารถใช้สำหรับชิ้นงานที่มีความยาว เนื่องจากชิ้นงานที่มีความยาวขณะที่ทำการกลึงผิว ชิ้นงานจะเกิดการแกว่ง ส่งผลให้ชิ้นงานไม่ได้ขนาดตามที่ออกแบบไว้ รวมถึงอาจจะเกิดอันตรายเนื่องจากชิ้นงานหลุดออกจากหัวจับ
ตัวยันศูนย์ (Live Centre) สามารถใช้กับงานที่เน้นค่าความร่วมศูนย์ได้อย่างหลากหลาย ซึ่งจะไม่จำกัดเฉพาะงานของเครื่องกลึง แต่ยังสามารถใช้ในการตั้งค่าเครื่องหัวแบ่งโลหะ (Dividing Head), เครื่องเจียระไน, เครื่องมือ และชุดใบมีดเครื่องเจียระไน รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆได้ ทำให้ตัวยันศูนย์สามารถใช้กับงานที่ต้องการค่าความร่วมศูนย์ในกระบวนการผลิตต่างๆได้อย่างดีเยี่ยม
ข้อดีของตัวยันศูนย์ ROEHM
• ด้วยลูกปืนพิเศษจากประเทศเยอรมันทำให้ชิ้นกลึงจะมีค่าความร่วมศูนย์สูงสุด และสามารถช่วยในการลดแรงกัดของใบมีดขณะกลึงงานอย่างดีเยี่ยม
• ด้วยสารหล่อลื่นชนิดพิเศษส่งผลให้การใช้ตัวยันศูนย์สามารถใช้ได้อย่างยาวนาน และต้องการการบำรุงรักษาเพียงเล็กน้อย
• ด้วยรูปทรงที่เหมาะสม และเพรียวบางจึงไม่ส่งผลต่อกระบวนการกลึง
• เคสของตัวยันศูนย์ (Body) ทำขึ้นจากการอัดขึ้นรูป (forging) ส่งผลให้ตัวยันศูนย์มีความแข็งแรงสูง

Article by: Krasstec Co., Ltd & MEGA Tech