จากความสำเร็จของงาน Manufacturing Expo 2025 ซึ่งงานนี้ยังคงเป็นเวทีชั้นนำของภูมิภาคอาเซียนด้านเครื่องจักรและเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตและอุตสาหกรรมสนับสนุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ที่ฝ่ายจัดงานและสภาการค้าไต้หวันในไทย หรือ TAITRA ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างไต้หวันและไทย ได้ประสานความร่วมมือนำบริษัทอุตสาหกรรมชั้นนำที่ได้รับรางวัล Taiwan Excellence Awards จำนวน 13 บริษัทมาร่วมแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยี และนำเสนอโซลูชันภายใต้ธีม “Green Vision, Smart Manufacturing” เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตและบริการของไทย
ในโอกาสนี้ MEGA Tech ขอนำเสนอความเป็นมาของ Taiwan Excellence Awards และไฮไลท์ผลิตภัณฑ์เด่นสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนโลหะ และแนวคิดผู้บริหารของบริษัทผู้ชนะรางวัลชนะเลิศทั้ง 3 บริษัท ได้แก่ Solomon Technology Corporation, Mecom Industries Corp และ Kee Jaan Machinery Co., Ltd. ดังต่อไปนี้
Taiwan Excellence Awards เวที่แข่งขันสู่การยอมรับทั่วโลก

ไต้หวันมีพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่น่าทึ่ง รัฐบาลของไต้หวันมีบทบาทสำคัญในการชี้นำการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเน้นการเติบโตที่การส่งออกและการยกระดับอุตสาหกรรมในประเทศ ไต้หวันมีความโดดเด่นในด้านการผลิต แรงงานที่มีการศึกษาดีและมีทักษะตรงความต้องการของตลาด รวมถึงการสนับสนุนด้านวิจัยและพัฒนา นอกจากไต้หวันจะเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ โดยบริษัท TSMC หรือ Acer ผู้ผลิตโน๊ตบุ๊ค ซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วโลกแล้ว ปัจจุบันไต้หวันยังสร้างชื่อเสียงในด้านเครื่องจักรกลสำหรับการผลิต และเพื่อการพัฒนาสู่ความเป็นเลิศไต้หวันจึงสนับสนุนการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ ไปจนถึงนานาชาติ จึงเป็นที่มาของรางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมของไต้หวัน
รางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมของไต้หวัน หรือ Taiwan Excellence Awards ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) โดยกระทรวงเศรษฐกิจของไต้หวัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกาศยกย่องผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นของไต้หวัน มุ่งให้เกิดการคิดค้น สร้างสรรค์และต่อยอดองค์ความรู้ และสร้างแรงบันดาลใจ โดยผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการคัดเลือกเข้ารอบสุดท้ายประจำปีนั้นตัดสินจากเกณฑ์สี่ข้อคือ การวิจัยและพัฒนา การออกแบบ คุณภาพ และการตลาด โดยเน้นเป็นพิเศษที่คุณค่าเชิงนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการคัดเลือกอันเข้มงวดจะได้รับการยอมรับอย่างภาคภูมิใจ และได้รับการโปรโมตในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างชื่อเสียงของไต้หวันในฐานะศูนย์กลางนวัตกรรม
ในการคัดเลือกรางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมของไต้หวันแบ่งออกเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกจะทำการเพื่อคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง โดยคณะกรรมการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ในเฟสที่ 2 เป็นการตัดสิน “รางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมของไต้หวันคุณภาพระดับโกลด์” และ “รางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมแห่งไต้หวันคุณภาพระดับซิลเวอร์” โดยเป็นการพิจารณาตัดสินโดยผู้ทรงคุณวุฒิรับเชิญจากทั่วโลก ซึ่งตราสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมของไต้หวันกลายเป็นตราสินค้าที่มีคุณค่าในด้านนวัตกรรมของไต้หวันและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก
ไต้หวันพร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย
ภายในงาน Manufacturing Expo 2025 นี้ ไต้หวันประกาศเป็นพาร์ทเนอร์หลักผลักดันอุตสาหกรรมไทยสู่ยุค ‘การผลิตอัจฉริยะอย่างยั่งยืน’ โดย Taiwan Excellence Pavilion ได้นำบริษัทอุตสาหกรรมชั้นนำ มาร่วมเปิดตัวนวัตกรรมและโซลูชันระบบอัตโนมัติเพื่อความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “Green Vision, Smart Manufacturing” โดยได้รับเกียรติจาก Dr.Doong, Sy-Chi (Andy) ประธานจากสภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน และ ดร.สมสิทธิ์ มูลสถาน กรรมการบริหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เข้าร่วมกล่าวเปิดงานในครั้งนี้

ดร.สมสิทธิ์ มูลสถาน กล่าวถึงบทบาทของนวัตกรรมไต้หวันว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ Smart & Green Manufacturing การนำโซลูชันจากบริษัทไต้หวันชั้นนำที่มีความพร้อมด้านเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกับฐานการผลิตในไทย เช่น หุ่นยนต์อุตสาหกรรม, IoT, การควบคุมการผลิตจากระยะไกล และการจัดการพลังงาน จะช่วยยกระดับขีดภาคการผลิตให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืนของภูมิภาคอาเซียน

1. Solomon Technology Corporation: AI and 3D Vision Redefining Automation
Solomon ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมและปัญญาประดิษฐ์ สิ่งที่ทำให้ Solomon แตกต่างจากบริษัท AI อื่นๆ คือระยะเวลาการทำโมเดลเทรนนิ่ง AI ที่สั้นกว่าคู่แข่งมาก ส่งผลให้ Solomon ก้าวมาอยู่แถวหน้าของแอปพลิเคชัน AI และ 3D Vision สำหรับระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมและการเพิ่มประสิทธิภาพให้กระบวนการ ด้วยชุดโซลูชันแมชชีนวิชั่น ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ที่ได้รับรางวัล Taiwan Excellence ทำให้ Solomon สามารถช่วยผู้ประกอบการเพิ่มผลผลิต ผลกำไร และประสิทธิภาพการดำเนินงานสำหรับลูกค้า ซึ่งรวมถึงการตรวจจับข้อบกพร่อง หุ่นยนต์นำทางด้วยระบบวิชั่น การหยิบกล่อง การดูแลเครื่องจักร และการขนย้ายสินค้าออกจากพาเลท

ผนึกกำลังกับ NVIDIA เบื้องหลังความสำเร็จ Solomon
โดยคุณภัทร จ้อยประดิษฐ์ , Head of AI Business Solomon Technology Corporation ได้ให้เกียรติพูดคุยถึงที่มา แนวคิด และทิศทางการพัฒนา รวมถึงการนำโซลูชั่นมาช่วยยกระดับขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการผลิตของไทยว่า Solomon ก่อตั้งมา 50 ปีได้แล้ว (ก่อตั้งปี 1973) โดยเริ่มต้นทำอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์บ้านหรือว่าอุปกรณ์โมเด็มสำหรับการเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตและไวไฟ บริษัทหันมาจับธุรกิจ AI เมื่อประมาณ 10 ปี ที่ผ่านมา หลังจากที่ศึกษาและมั่นใจว่าเทคโนโลยี AI จะเข้ามาในชีวิตคนเราอย่างแน่นอน จากนั้นมา Solomon ก็เลยมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา AI เป็นหลัก

สิ่งที่หลายคนไม่ทราบมาก่อนคือ Solomon ได้เริ่มพัฒนาธุรกิจ AI ของตน ควบคู่พร้อมกันกับ NVIDIA บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตชิป GPU เบอร์หนึ่งของโลกที่เปรียบเสมือนมันสมองของ AI ที่ก่อตั้งโดย Jensen Huang ชาวไต้หวัน โดย Solomon ได้ร่วมมือกับ NVIDIA เนื่องจากชิปของ NVIDIA มีความเหมาะกับการใช้ซอฟต์แวร์ที่พัฒนา Solomon มากที่สุด
ซึ่งในการพัฒนาซอฟท์แวร์ให้มีสมรรถนะสูงสุดด้วยการใช้ AI ถือเป็นเรื่องที่ยากมากๆ แต่สิ่งที่โซโลมอนปฏิวัติโครงการสำเร็จและสร้างความแตกต่างจากบริษัทอื่นที่ใช้ AI ขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์ของตนคือ ระยะเวลาการทำโมเดลเทรนนิ่ง AI ที่สั้นกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน อย่างเช่นการที่สอนให้ AI รู้จักว่า เม้าส์ คืออะไรมีหน้าที่ทำอะไร ซึ่งสมัยก่อนการที่จะสอน AI ต้องใช้เวลาหลายวัน แต่ Solomon สามารถทำได้ภายในเวลา 5 นาที นั่นคือการปฏิวัติทางการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งความรวดเร็วในขั้นตอนนี้เป็นข้อได้เปรียบสำคัญของ Solomon
ซอฟท์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลัง AI เพื่อความยั่งยืน
สำหรับการใช้ซอฟท์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลัง AI สามารถนำไปเสริมศักยภาพการผลิตอย่างไรบ้าง คุณภัทร ได้อธิบายว่า ซอฟต์แวร์หลักๆของ Solomon หนึ่งคือซอฟต์แวร์ประเภทที่เอาไปใช้ร่วมกับหุ่นยนต์ ซึ่งโดยปกติตัวแล้วหุ่นยนต์น่ะจะทำงานซ้ำ โดยเฉพาะหุ่นยนต์หลายตัวที่ทำงานเป็นทีม เช่นการหยิบชิ้นงานจากที่หนึ่งไปวางอีกที่หนึ่ง แต่ถ้านำซอฟต์แวร์ AI ของ Solomon ไปใช้กับระบบปฏิบัติการควบคุมหุ่นยนต์ มันคือการเติมสมองกับลูกตาให้แขนกล เมื่อแขนกลมีทั้ง AI และระบบ 3D Vision ทำให้หุ่นยนต์สามารถตัดสินใจได้แถมมีลูกกะตา เพราะฉะนั้นก็จะทำงานใกล้เคียงกับมนุษย์ได้มากขึ้น คิดได้มองเห็นได้และตัดสินใจได้

ส่วนประเภทที่สองก็คือ AI ที่ใช้ในการตรวจสอบทางคุณภาพ (inspection) ก็คือการตรวจจับ ซึ่งทุกวันนี้อะไรที่คนเราใช้ตาในการตรวจสอบ ว่าของชิ้นงานดี (accept) หรือเสีย (reject) ถ้าไม่ดีก็ต้องเอาไปรีเวิร์คหรือถ้าเสียไม่คุ้มค่าต่อการแก้ไข ก็ต้องคัดแยกเพื่อนำไปกำจัดทิ้งหรือรีไซเคิล สิ่งที่โซลูชั่น AI ของ Solomon ช่วยผู้ประกอบการผลิต คือการลดของเสียทั้งในกระบวนการผลิตและการ over rejected ซึ่งหากหุ่นยนต์ของท่านทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นและรวดเร็วขึ้น ย่อมลดจำนวนชิ้นงานเสีย ลดรอบเวลาการผลิต ลดชิ้นงานเสีย เพิ่ม Production yield ตอบโจทย์ Green Vision and Smart manufacturing ได้เป็นอย่างดี
ติดต่อ Solomon ได้ที่ www.solomon-3d.com << Click Here
2. MECOM INDUSTRIES CORP: MCM น้ำมันตัดเฉือนรักษ์โลก
อีกหนึ่งบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์รางวัล Taiwan Excellence Award คือ MECOM INDUSTRIES CORP นำเสนอผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่จะเปลี่ยนโฉมการผลิตชิ้นส่วนโลหะที่ต้องอาศัยการตัดเฉือนของเครื่องจักร เพื่อสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นมิตรต่อคนและเครื่องจักร โดย Dr. Ho Chieu Guat , Group General Manager Mecom Industries ได้ให้รายละเอียดดังนี้

MCM คือน้ำมันที่มีส่วนประกอบจากพืชสำหรับการตัดเฉือนที่มีข้อได้เปรียบมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน น้ำมันตัดเฉือนส่วนใหญ่มีองค์ประกอบพื้นฐานจากแร่ธาตุ ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางตรงก็คือส่งผลเสียโดยเฉพาะต่อเครื่องจักรที่ทำจากโลหะ และการบำรุงรักษาเครื่องจักร
มุ่งมั่นเพื่อความยั่งยืนของเครื่องจักรและสภาพแวดล้อมที่ทำงาน
ในบริบทของอุตสาหกรรม 3.0 และ 4.0 ซึ่งระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ การรวมข้อมูล PLC และเซ็นเซอร์อัจฉริยะ เข้ามามีบทบาทและกำหนดสภาพแวดล้อมของการผลิตยุคใหม่ น้ำมันตัดเฉือนจึงมีบทบาทสำคัญ ซึ่งระบบขั้นสูงเหล่านี้สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการตัดเฉือนที่มีความแม่นยำและความเร็วสูง แต่ก็มาพร้อมกับต้นทุนอุปกรณ์ที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับส่วนประกอบที่บอบบาง เช่น อุปกรณ์ชิปหรือวงจรรวมที่มีความละเอียดและเซ็นซิทีฟสูง รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆเช่น คอนเน็กเตอร์ที่อ่อนไหวต่อการนำไฟฟ้ามาก การใช้น้ำมันตัดเฉือนจากแร่ธาตุแบบเดิมร่วมกับสิ่งแวดล้อมที่มีความบอบบางดังกล่าวอาจทำให้อุปกรณ์ชิปและอิเล็กทรอนิกส์ปนเปื้อนและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทำให้ต้องมีการบำรุงรักษาบ่อยครั้งหรืออาจต้องเปลี่ยนใหม่ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง
ในทางตรงกันข้าม น้ำมันตัดเฉือน MCM เป็นทางเลือกที่เสถียรกว่า สะอาดกว่า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า ช่วยปรับปรุงการระบายความร้อน ลดการยึดเกาะของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และรักษาความสะอาดของเครื่องจักร ช่วยให้เครื่องมือและเครื่องจักรมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้นและมีการหยุดดาวน์ไทม์น้อยลง เพื่อให้การผลิตที่ทันสมัยและยั่งยืนก้าวหน้าอย่างแท้จริง จำเป็นอย่างยิ่งที่ส่วนประกอบทุกส่วนของระบบ รวมถึงน้ำมันตัดเฉือน ต้องสอดคล้องกับความประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

MCM เพื่อความยั่งยืนสำหรับมนุษย์
น้ำมันตัดเฉือนของ MCM ดีสำหรับมนุษย์เนื่องจากเป็นสารกึ่งสังเคราะห์และมีส่วนประกอบของน้ำ ซึ่งก่อให้เกิดละอองน้ำมันและควันพิษน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นก๊าซคาร์บอนมอนน็อกไซด์ มีเทน และสารประกอบโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs) ซึ่งลดลงตั้งแต่ 47 ถึง 100% ทำให้อากาศสะอาดและปลอดภัยต่อการหายใจ โดยเฉพาะปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ คาร์บอนไดอ็อกไซด์ โดยค่า CO2 Emission Index ของน้ำมันตัดเฉือนพล้านต์เบสของ MCM ต่ำกว่าของน้ำมันตัดเฉือนชนิดมิเนอรอลเบสของผู้ผลิตทั่วไปถึงถึง 1.9 เท่า (1.013/1.913 kg-CO2e/kg) และต่ำกว่าค่ากำหนดของกระทรวงสิ่งแวดล้อมไต้หวันเฉลียถึง 2.9 เท่า
นอกจากนี้ยังออกแบบสูตรของส่วนผสมให้มีความอ่อนโยน ช่วยลดความเสี่ยงของการระคายเคืองผิวหนัง และมีกลิ่นอ่อนเนื่องจากทนทานต่อการสลายตัวของแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังช่วยให้พื้นที่ทำงานสะอาดขึ้นโดยทิ้งคราบตกค้างน้อยลง ลดอันตรายจากการลื่นไถล และปรับปรุงสุขอนามัยโดยรวม ด้วยการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงช่วยให้สถานที่ทำงานปลอดภัย สุขภาพดีขึ้น และสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงานมากขึ้น

แผนการขยายตลาดในประเทศไทย
ผลิตภัณฑ์น้ำมันตัดเฉือน MCM เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยในโอกาสพิเศษของงาน Manufacturing Expo 2025 และปัจจุบันบริษัทกำลังมองหาเครือข่ายดีลเลอร์หรือตัวแทนจำหน่าย ซึ่ง Dr. Ho Chieu Guat กล่าวถึงคุณสมบัติสำคัญที่ MCM มองหาในตัวแทนจำหน่ายคือความเป็นพาร์ทเนอร์ชิปมืออาชีพ มีการแบ่งปันค่านิยมและพันธกิจร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคมโดยมองการเติบโตในระยะยาว มากกว่าการมุ่งเน้นเรื่องผลกำไรในระยะสั้น
ติดต่อ MCM ได้ที่ www.mcm-tw.com << Click Here
3. Kee Jaan Machinery Co., Ltd: ผู้นำระบบตรวจสอบสภาพเครื่องมือตัด
KEE JAAN ก่อตั้งขึ้นในปี 1970 โดยธุรกิจหลักในช่วงเริ่มต้นคือให้บริการงานกลึงสำหรับชิ้นส่วนของเครื่องจักร จากความเชี่ยวชาญและเพื่อขยายธุรกิจ KEE JAAN ได้นำลงทุนด้านการพัฒนาอุปกรณ์ตรวจสอบเครื่องมือตัดต่างๆ ที่จะยกระดับความแม่นยำของงานกลึงของตนและตอบสนองความต้องการด้านคุณภาพที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นต่อยอดพัฒนาอุปกรณ์ตรวจสอบภาพเครื่องมือตัดแบบไม่สัมผัสที่มีสมรรถนะเทียบเท่ามาตรฐานสากล อุปกรณ์ตรวจสอบเครื่องมือตัดไฮเทคเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้ายกระดับความละเอียดแม่นยำของผลิตภัณฑ์และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยปัจจุบัน KEE JAAN ครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 65% ของตลาดภายในประเทศ คุณภาพของผลิตภัณฑ์ KEE JAAN ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในด้านความแม่นยำในการวัดและความน่าเชื่อถือจากผู้ใช้ระดับมืออาชีพในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในไต้หวันและต่างประเทศ

ระบบตรวจสอบสภาพเครื่องมือตัดที่ให้ความแม่นยำสูงและรวดเร็ว
หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัล Taiwan Excellence Award ของ KEE JAAN คือ ระบบตรวจสอบสภาพเครื่องมือตัดด้วยภาพ Tool Image Inspection System ซึ่งเหมาะสำหรับการตรวจสอบเครื่องมือตัดและการวิเคราะห์ภาพ ออกแบบมาสำหรับการตรวจสอบรูปทรง มุม และรัศมี และวิเคราะห์ภาพเครื่องมือตัดต่างๆ เช่น เครื่องมือแกะสลัก เครื่องตัดเครื่องมือตัดปลายลูกกลม เครื่องมือตัดมุมโค้ง และเครื่องมือตัดทั่วไป นอกจากนี้ ยังมีซอฟท์แวร์หรือโปรแกรมการวัดที่สามารถปรับแต่งได้ตามเครื่องมือตัดที่แตกต่างกัน ออกแบบโครงสร้างที่เคลื่อนไหวทั้งหมดให้มีน้ำหนักเบา ใช้มอเตอร์เชิงเส้นที่มีความแม่นยำสูงในการขับเคลื่อนแกนป้อนในทั้งสองทิศทาง จึงทำให้การวัดรวดเร็วขึ้น โดยการวัดความยาวและเส้นผ่านศูนย์กลางของเครื่องมือตัดสามารถทำได้ด้วยปุ่มเดียว และการสอบเทียบเครื่องมือตัดและการแปลงโค๊ดสามารถเสร็จสิ้นได้ภายใน 30 วินาที

ลูกค้าทั่วโลกการันตีคุณภาพระดับเวิร์ลคลาส
นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดตั้งแผนกขึ้นรูปโลหะ และติดตั้งเครื่องแมชชีนนิ่งเซนเตอร์ จำนวน 12 เครื่องภายในบริษัท ซึ่งไม่เพียงแต่พัฒนาบุคลากรที่มีทักษะด้านการขึ้นรูปตัดเฉือนโลหะชั้นสูงเท่านั้น แต่ยังได้รับจ้างให้ผลิตงาน OEM จากลูกค้าชั้นนำอีกด้วย โดยงานส่วนใหญ่คือการผลิตชิ้นส่วนของเครื่องจักรงานไม้ DIY เพื่อส่งออกไปยังยุโรปและอเมริกา ปัจจุบันลูกค้าของ KEE JAAN ครอบคลุมในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การบินและอวกาศ (Air Bus), ยานยนต์ (PEUGEOT, DAIHATSU Japan) และอุตสาหกรรมทั่วไป ( INGERSOLL RAND) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ KEE JAAN มากกว่า 500 รายในประเทศจีน ซึ่งเป็นการการันตีได้ถึงคุณภาพของสินค้าและการบริการในระดับ World Class ได้อย่างแท้จริง
ติดต่อ KEE JAAN ได้ที่ www.keejaan.com << Click Here
ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ Taiwan Excellence
Website: www.taiwanexcellence.org/en
Facebook: Taiwan Excellence
Article by: MEGATech & Taiwan Excellence<< Click Here