Logistics & Supply Chain

How to Spec the Right Forklift for Your Operation

How to Spec the Right Forklift for Your Operation
Share with

ในปัจจุบันนี้ มีรถฟอร์คลิฟท์มากมายหลายยี่ห้อ หลายรุ่น หลายแบบ และมีความเหมาะสมต่อการทำงานที่แตกต่างกันออกไป แต่ไม่ว่าจะเป็นรถฟอร์คลิฟท์แบบใด รุ่นใดก็ตาม ก็ควรตอบสนองต่อการทำงานได้เป็นอย่างดี และเกิดความปลอดภัยสูงสุด  รถฟอร์คลิฟท์ที่ดี ควรมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้​

How to Spec the Right Forklift for Your Operation
  1. สีของตัวรถมองเห็นได้อย่างชัดเจน: รถฟอร์คลิฟท์เป็นรถที่มีความอันตราย และไม่ควรเข้าใกล้ หากว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และแม้แต่ผู้ที่ขับ หรือทำงานร่วมกัน ก็ต้องระมัดระวังด้วย ดังนั้น รถฟอร์คลิฟท์ที่ดีควรมีสีของตัวรถที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน สะดุดตา และทำให้ทราบได้ทันทีว่าเป็นรถฟอร์คลิฟท์
  2. มีระบบการควบคุมบังคับที่ดี: นอกจากสีของตัวรถแล้ว รถฟอร์คลิฟท์ที่ดี ควรมีระบบการควบคุมบังคับที่เป็นไปดังใจ คือ สามารถขับเคลื่อนได้อย่างดี เบรคทำงานดี บังคับเลี้ยวได้ตามต้องการ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ เป็นตัวการันตีความปลอดภัยให้กับการใช้รถฟอร์คลิฟท์ได้เป็นอย่างมาก
  3. ขับโดยผู้ที่ได้รับมอบหมาย: ผู้ที่จะขับรถฟอร์คลิฟท์ได้ ต้องเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น และต้องได้รับการอบรมการใช้งาน รวมถึงรับรู้กฎต่างๆในการใช้งานด้วย ทั้งนี้ ผู้ที่ทำงานร่วมกับรถฟอร์คลิฟท์ควรเรียนรู้กฎต่างๆด้วยเช่นกัน
  4. ได้รับการตรวจสภาพเสมอ: รถฟอร์คลิฟท์ที่ดีนั้น ต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานมากที่สุด ดังนั้น จึงควรได้รับการตรวจสภาพเป็นประจำ และมีการตรวจก่อนและหลังการใช้งานทุกครั้งด้วย 
How to Spec the Right Forklift for Your Operation

เมื่อเราจะเลือกใช้รถฟอร์คลิฟท์กับงานใดๆก็ตาม เรื่องของความเหมาะสม และความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก ดังนั้น หากเราเลือกรถฟอร์คลิฟท์ที่ดี ก็จะช่วยให้เราสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเกิดความปลอดภัยมากที่สุดได้ นอกจากนี้ผู้ประกอบการควรคำนึงถึง logistics operation /warehouse operation ของงานเคลื่อนย้ายสินค้าเป็นหลักสำคัญในเลือกรถฟอร์คลิฟท์  โดยมีปัจจัยสำคัญหลักๆ เช่น ​

1) สภาพแวดล้อมสภาพแวดล้อมของงานเคลื่อนย้ายสินค้ามีส่วนสำคัญในการกำหนดชนิดของรถฟอร์คลิฟท์ที่เหมาะสม เช่น หากใช้งานในห้องเย็นเก็บอาหารสดซึ่งมีน้ำเค็ม ควรเลือกรถชนิดพิเศษสำหรับห้องเย็น (Cold storage) และมีการป้องกันสนิมเป็นพิเศษ ในกรณีที่ใช้งานในสภาพแวดล้อมมีลักษณะสุดขั้ว (Extreme condition) เช่น ร้อนจัด เค็มจัด หรือไวต่อประกายไฟ ควรเลือกรถฟอร์คลิฟท์จากผู้ผลิตที่ไว้ใจได้และเลือกตัวเลือกพิเศษที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมจากโรงงาน โดยไม่ต้องนำมาดัดแปลงเอง และควรทนทานต่อความชื้นและฝุ่นในระดับ IP 54 หรือ IP 65 เป็นมาตรฐาน ​

2) ขนาด รูปแบบ ของสินค้าหรือวัสดุที่เคลื่อนย้าย

ควรเลือกรถฟอร์คลิฟท์ที่สามารถยกสินค้าหรือวัสดุได้ตรงตามความต้องการ เช่น หากต้องการยกสินค้าหนัก 2 ตัน ที่ความสูงเกินกว่า  4,000 มม. อาจต้องเลือกรถฟอร์คลิฟท์ขนาด 2.5 หรือ 3 ตัน หรือหากมีลักษณะเป็นทรงกรวย เช่น ม้วนกระดาษ จะต้องเลือกอุปกรณ์เสริมพิเศษในการเคลื่อนย้าย รถฟอร์คลิฟท์ที่ดีจะสามารถติดอุปกรณ์เสริมได้หลากประเภทและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมั่นใจได้ในบริการหลังการขาย 

3) การเลือกรถฟอร์คลิฟท์ใหม่หรือรถฟอร์คลิฟท์ใช้แล้ว การเลือกผู้ให้บริการ

หากใช้งานรถฟอร์คลิฟท์มากกว่า 4 ชั่วโมง/วัน อย่างต่อเนื่องทุกวัน และงานเคลื่อนย้ายสินค้าเป็นหนึ่งในหัวใจของธุรกิจ การเลือกซื้อรถฟอร์คลิฟท์ใหม่หรือเช่ารถฟอร์คลิฟท์เป็นทางเลือกที่ดี แต่หากใช้งานรถฟอร์คลิฟท์ไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน ใช้เพียงบางโอกาส หรือใช้เป็นรถสำรอง การเลือกรถฟอร์คลิฟท์ใช้แล้วนับเป็นหนึ่งในทางเลือกที่เหมาะ   ทั้งนี้ควรคำนึงถึงระยะเวลาในการเข้ารับบริการ (long service hours) ในแต่ละรอบด้วย ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและไม่ต้องจอดเพื่อบำรุงรักษาบ่อยๆ

หลักการเลือกผู้ให้บริการรถฟอร์คลิฟท์ 

  • เลือกผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้ มีประสบการณ์
  • มีบริการครบวงจร ขาย เช่า บริหารโครงการเช่ารถฟอร์คลิฟท์ (Fleet management) ซื้อ-แลกเปลี่ยนรถ อบรมนักขับ (forklift operator) และทดสอบฝีมือแรงงานตามมาตรฐานภาครัฐ
  •  มีความรู้ความเข้าใจในงานซ่อม ปิดงานซ่อมได้อย่างรวดเร็ว
  • มีคลังอะไหล่พร้อมให้บริการ
  •  มีการพัฒนาทักษะ อบรม บุคลากร นายช่างผู้ชำนาญ อย่างต่อเนื่อง
  •  มีสาขาครอบคลุมในภาคต่างๆ อยู่ใกล้ลูกค้า
  • มีสินค้าครบทั้งรถฟอร์คลิฟท์แบบ counterbalance และรถสำหรับคลังสินค้า (warehouse trucks)
  • ให้คำแนะนำในการเลือกซื้อเลือกใช้รถฟอร์คลิฟท์ที่เหมาะกับงานได้อย่างเหมาะสม
How to Spec the Right Forklift for Your Operation

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ควรต้องคำนึงถึงในการเลือกใช้รถฟอร์คลิฟท์ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ปฏิบัติงานที่จำกัด หรือปฏิบัติงานในที่สูงเป็นพิเศษ การเลือกใช้ยางตันหรือยางลม รวมไปถึงการเลือกใช้ชนิดเชื้อเพลิงของรถที่เหมาะสมทั้งนี้ผู้ประกอบการควรเลือกผู้จัดจำหน่ายที่มีความเชี่ยวชาญและสามารถให้คำปรึกษาได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด จะทำให้การลงทุนของเราได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว