รถฟอร์คลิฟท์ถือเป็นเครื่องจักรในกระบวนการขนส่งของระบบโลจิสติกส์และการปฏิบัติงานในคลังสินค้าของอุตสาหกรรมต่างๆซึ่งมีความสำคัญอย่างมาก ดังนั้นการใช้งานรถฟอร์คลิฟท์อย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มผลผลิตนั้น จำเป็นจะต้องทำการศึกษาข้อมูลที่ครอบคลุมตั้งแต่ข้อมูลพื้นฐานจากสังเกตการณ์ทำงาน สถานที่ที่นำมาใช้งาน ความถี่ในการใช้งานไปจนถึงการเลือกผู้ให้บริการที่มีคุณภาพและมีความเป็นมืออาชีพสูง และสุดท้ายคือการเลือกใช้รถฟอร์คลิฟท์ทีมีนวัตกรรมใหม่ๆ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเครื่องมือและ software รุ่นใหม่มาช่วยจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ดีมากที่สุด
การวิเคราะห์ต้นทุน
ในการคำนวณต้นทุนการใช้รถฟอร์คลิฟท์นั้นจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ได้แก่
ต้นทุนพื้นฐาน
- ราคารถโดยทั่วไปเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 20 ของต้นทุนทั้งหมด (cost of ownership)
- ร้อยละ 80 ที่เหลือเป็นต้นทุนจาก ค่าอะไหล่ ค่าซ่อมบำรุง ค่าคนขับควบคุมรถ ค่าเช่ารถเพิ่ม (ในกรณีที่รถจอดเสีย) ฯลฯ
เป็นการยากที่จะคำนวณว่าซื้อรถสักคันแล้วคุ้มค่าหรือไม่ในระยะยาว
คำนวณต้นทุนจากจำนวนสินค้าหรือพาเลท
- ลองคำนวณต้นทุนจากจำนวนสินค้าหรือจำนวนพาเลทที่รถฟอร์คลิฟท์เคลื่อนย้าย ลองตรวจว่าต้องเคลื่อนย้ายเร็วแค่ไหนหรือมากแค่ไหน คิดแบบนี้จะช่วยให้ออกแบบชั้นวางสินค้าได้เหมาะสม
- ลองกำหนดให้ชัดว่าต้องการเคลื่อนย้ายพาเลทสินค้ามากแค่ไหนในแต่ละวันหรือเดือน วิธีนี้ช่วยให้เห็นต้นทุนต่อพาเลท ไม่ใช่ต้นทุนต่อชั่วโมง
ต้นทุนทางด้านบริการหลังการขาย
- มองหาผู้ให้บริการที่ไม่ได้เน้นแต่ราคาหรือสินค้า มองหาพันธมิตรที่นำเสนอ solutions ที่ช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ พันธมิตรที่ดีมักนำเสนอให้คำแนะนำพิเศษเฉพาะสำหรับธุรกิจของท่าน เช่น การออกแบบปรับคลังสินค้า การจำลองการปฏิบัติงานและต้นทุน รุ่นและจำนวนรถฟอร์คลิฟท์ที่เหมาะสม ฯลฯ
- ผู้ให้บริการที่เน้นแต่ให้ซื้อสินค้าโดยไม่สนใจบริบท ความเป็นมา หรือข้อจำกัดต่างๆ อาจไม่ส่งผลดีต่อธุรกิจ
ลงทุนกับสัญญาการบำรุงรักษา
- ในธุรกิจที่การเคลื่อนย้ายขนส่งสินค้าเป็นปัจจัยสำคัญ การลงทุนกับสัญญาการบำรุงรักษารถฟอร์คลิฟ์เป็นเรื่องที่ดี ช่วยให้รถฟอร์คลิฟท์ปฏิบัติงานได้ต่อเนื่องไม่จอดเสียบ่อยๆให้เสียงาน เอาเวลาในการซ่อมรถเองไปดูแล KPI ของงานในรับผิดชอบดีกว่า
- เลือกใช้บริการจากพันธมิตรที่มีนโยบายด้านอะไหล่ที่มั่นคง มีอะไหล่ที่จำเป็นอย่างเพียงพอไม่ขาด และมีทักษะในการซ่อมและบำรุงรักษาเฉพาะด้านอย่างเชี่ยวชาญ เพราะความพร้อมของอะไหล่เป็นหนึ่งในหัวใจของงานบำรุงรักษา
เลือกฟอร์คลิฟท์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า AC
- รถฟอร์คลิฟท์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆใช้เทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้า AC ซึ่งทนทานและประหยัดกว่า รุ่นเก่าที่ใช้แปรงไฟฟ้า ปฏิบัติงานได้นานกว่าต่อแบตเตอรี่หนึ่งลูก ไม่ต้องซื้อแบตเตอรี่เพิ่มซึ่งราคาแพง
ลงทุนกับโครงการเช่าพร้อมคนขับหรือ Fleet management
- บริการเช่ารถฟอร์คลิฟท์แบบ Fleet management ที่มาพร้อมกับระบบบริหารจัดการทรัพยากรแบบเบ็ดเสร็จทั้งการบำรุงรักษารถฟอร์คลิฟท์ พลังงาน เชื้อเพลิง กำลังคนทั้งนายช่างบริการ/นักขับรถฟอร์คลิฟท์ ความปลอดภัย อุบัติเหตุ ฯลฯ
- บริการลักษณะนี้เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยติดตามต้นทุนและการปฏิบัติการต่างๆได้อย่างใกล้ชิด สามารถวิเคราะห์ตำแหน่งที่มีต้นทุนสูงที่สุดได้ ผู้ให้บริการอาจจัดประชุมร่วมกับลูกค้าเพื่อหา solution เพื่อลดต้นทุนเหล่านี้
- ติดตั้ง telematics และ on-board computer dashboards บนรถฟอร์คลิฟท์จะช่วยให้วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆซึ่งสะท้อนถึงต้นทุนต่างๆได้แม่นยำขึ้น ข้อมูลที่ได้จากระบบนี้ เช่น
- เวลาเฉลี่ยในการเคลื่อนที่
- เวลาจริงที่ยกสินค้าขึ้นลง
- เวลาหยุดรถ
- จำนวนการชน-กระแทก ฯลฯ
ให้การอบรมการขับรถฟอร์คลิฟท์และการบำรุงรักษา
- บริการลักษณะมีผู้ให้บริการหลายราย ลองเลือกผู้ให้บริการที่มีหลักสูตรการอบรมสอดคล้องกับกฎหมายของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานและเป็นศูนย์ทดสอบฝีมือแรงงานเฉพาะด้าน
- ผลลัพธ์จากอบรมจะช่วยให้นักขับรถฟอร์คลิฟท์มีทักษะการควบคุมรถที่ดีขึ้น เกิดอุบัติเหตุน้อยลง และยืดอายุการทำงานของรถฟอร์คลิฟท์ ลดโอกาสรถจอดเสีย
การเลือกรถฟอร์คลิฟท์ที่มีนวัตกรรมใหม่พร้อมอุปกรณ์เสริมพิเศษ
- รถฟอร์คลิฟท์รุ่นใหม่มักได้รับการออกแบบด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ โดยคำนึงหลักสรีระศาสตร์มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้นักขับรถฟอร์คลิฟท์มีความผ่อนคลาย ลดความเมื่อยล้า มีทัศนะวิสัยที่ดีในขณะปฏิบัติงาน
- Standard options เช่น ระบบการควบคุมความเร็วให้สัมพันธ์กับน้ำหนักที่ยก พวงมาลัยที่แม่นยำให้การตอบสนองที่ดี หรือระบบเบรกที่ผสานระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (anti-roll back) ฯลฯ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการเลือกรถฟอร์คลิฟท์รุ่นใหม่ๆ
- Special options เช่น เลเซอร์ช่วยกะระยะ กล้องและจอภาพแสดงผล คันบังคับแบบ joy stick เหล่านี้เป็นอุปกรณ์เสริมที่น่าสนใจ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ดี

