Manufacturing Trends

Car-Sharing as Mobility-as-a-Service

Car-Sharing as Mobility-as-a-Service
Share with

Artical By: Suwan Juntiwasarakij, Ph.D. (Senior Editor)

The Last Transport Model that Man Has Ever Made​

เป็นที่รู้จักกันดีใน Transportation-as-a-Service (TaaS) หรือ Mobility-as-a-Service (MaaS) เป็นการคมนาคมขนส่งที่เปลี่ยนจากเดิมที่ต้องการเป็นเจ้าของพาหนะ กลายเป็นการบริโภคบริการภาคการขนส่งแทน กระบวนทัศน์เช่นนี้เกิดขึ้นได้ด้วยการหลอมรวมเอาบริการภาคคมนาคมขนส่งจากผู้ให้บริการทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้สามารถบริหารจัดการรวมทั้งกำหนดค่าใช้จ่ายภายใต้คอนเซ็ปต์แบบบัญชีเดียว (single account) ไม่ว่าจะเป็น การโดยสารแบ่งปัน การขนย้ายแบ่งปัน หรือ การขับขี่แบ่งปัน ล้วนเป็นการบริการทางด้านคมนาคมแบบ on-demand แล้วเป็นผลมาจากนวัตกรรมทางด้านการบริการคมนาคมขนส่งเคลื่อนที่ทั้งสิ้น

Car-Sharing as Mobility-as-a-Service
Exhibit 1: The Expanding Car-Sharing Operation in North American, Europe, and Asia-Pacific

Mobility-as-a-Service (MaaS)​

รูปแบบ “อะไรก็ได้ที่ให้บริการ” เป็นตัวขับเคลื่อนพลักดันธุรกิจ การบริการให้ดีขึน เพิ่มประสิทธิภาพในหลายๆด้าน อีกทั้งยังสนับสนุนรูปแบบใหม่ทางธุรกิจแบบใหม่ๆ ที่ยังไม่เกิดขึ้นมาก่อน แต่ปรากฎการณ์นี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะว่า GE เคยให้บริการเช่าเครื่องยนต์เจ็ทกับบริษัทสายการบินอื่นๆ มาแล้ว ส่วน XEROX ก็ได้ผันตัวจากเดิมขายเครื่องพิมพ์มาเป็นผู้ให้บริการการพิมพ์​

เป้าหมายอันสูงสุดของ MaaS คือการไหลเวียนไร้รอยต่อของสารสนเทศ สินค้า และผู้โดยสารโดยปราศจากข้อจำกัดทางด้านระยะทาง ผลลัพธ์ก็คือบริการคมนาคมขนส่งเดินทางในสเกลมหาศาลไม่ว่าจะเป็นจากจุดไปจุดใดบนโลกโดยมิต้องครอบครองหรือเป็นเจ้าของพาหนะแต่ยังคงไว้ซึ่งตัวเลือกหลากหลายนานาชนิดเพื่อให้ผู้บริโภคได้ตัดสินใจใช้งาน และนี่จึงว่าเป็นระบบนิเวศน์แบบเปิดสำหรับสารสนเทศและการบริการสำหรับการคมนาคม

Car-Sharing as Mobility-as-a-Service

The Sharing Economy Effect

หลักการพื้นฐานของเศรษฐกิจแบ่งปันน คือความเรียบง่าย โดยที่ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการใดๆ สามารถนำมาแบ่งปันโดยมีการกำหนดค่าบริการกำกับ (ราคา) เศรษฐกิจแบ่งปันนี้ตอบสนองต่อความต้องการของคนทั้งผู้ซื้อและผู้ขายโดยมีแกนของโมเดลซึ่งประกอบด้วย คุณค่า (value) ความครอบคลุม (coverage) และ ความวางใจ (trust) ขณะนี้ การแบ่งปันรถนั้นเกิดขึ้นในเขตเมืองใหญ่หรือมหานครทั้งในประเทศที่พัฒนาและกำลังพัฒนา แม้ว่าภูมิภาคเอเชียแปซิค ซึ่งรวมถึงประเทศออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น มาเลเซีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมบริการดังกล่าวถึง 2.3 ล้านคน และรถจำนวน 33,000 คัน จะเป็นตลาดการแบ่งปันรถที่ใหญ่ที่สุด แต่ว่าขนาดของตลาดทางสหภาพยุโรปเอง ซึ่งนับรวมถึง ประเทศตุรกีและรัสเซีย ผู้เข้าร่วมบริการดังกล่าวถึง 2.1 ล้านคน และรถจำนวน 31,000 คัน ก็ไม่น้อยไปกว่ากัน และที่ตามติดกันมาคือตลาดในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งประกอบด้วยประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ผู้เข้าร่วมบริการดังกล่าวถึง 1.5 ล้านคน และรถจำนวน 22,000 คัน เมื่อรวมทั้ง 3 ภูมิภาคเข้าด้วยกันแล้ว ตัวเลขของผู้เข้าใช้บริการดังกล่าวสูงถึง 2.5 นาทีต่อปี สร้างรายได้กว่า 60 ล้านยูโรต่อปี

Car-Sharing vs. Car-Owning

ขณะที่การแบ่งปันรถมีข้อได้เปรียบในแง่ของต้นทุนราคาการให้บริการ ผู้ที่เป็นเจ้าของครอบครองรถกลับเผชิญกับราคาใช้ประจำอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นค่าเสื่อมราคา ค่าประกันอุบัติภัย และค่ารักษาซ่อมบำรุง ซึ่งเรียกว่าต้นทุนการเป็นเจ้าของ (Total Cost of Ownership: TCO) ในประเทศกลุ่มสภาพยุโรปนั้น การใช้บริการแบ่งปันรถจะเกิดค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการเป็นเจ้าของครอบครองรถยนต์ขนาดเล็กก็ต่อเมื่อระยะการเดินทางนั้นน้อยกว่า 7,500 กิโลเมตรต่อปี ระยะทางน้อยกว่า 12,500 กิโลเมตรต่อปีสำหรับรถยนต์ขนาดกลาง และระยะทางน้อยกว่า 24,500 กิโลเมตรต่อปีสำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่ โดยรวมแล้ว 17% ของผู้ขับขี่รถยนต์ขนาดเล็ก 46% ของผู้ขับขี่รถยนต์ขนาดกลาง และเกือบจะเสียทั้งหมดของผู้ขับขี่รถยนต์ขนาดใหญ่ได้ประโยชน์จากการบริการแบ่งปันรถแทนที่จะซื้อหาเป็นเจ้าของครอบครองรถยนต์เสียเองเมื่อคำนึงถึงการเดินทางคำนวณจากระยะทางต่อปีดังจากที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น​

Car-Sharing as Mobility-as-a-Service

กระบวนทัศน์การคมนาคมรูปแบบใหม่ก่อให้เกิดการบูรณาการเดินทางแบบดั้งเดิมหลายๆ รูปแบบเข้าด้วยแบบไร้รอยต่อ เพื่อการเดินทางจากจุดเริ่มต้น ไปยังจุดหมายปลายทาง โดยที่ธุรกรรมด้านการจองตั๋วรวมทั้งค่าโดยสารต่างๆ  ถูกบริหารและจัดการ ณ จุดเริ่มต้นเพียงจุดเดียว ผู้เดินทางสามารถเลือกรับบริการ จากตัวเลือกที่สอดคล้องกับเงื่อนไขด้านค่าใช้จ่าย เวลา และความอำนวยความสะดวก ณ จุดเริ่มต้นของการเดินทางเพียงจุดเดียวโดยไม่ต้องยุ่งยากจัดการกับธุรกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างจุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทาง และนี่คือเทรนด์สำหรับการเดินทางในมหานครในโลกยุคปัจจุบัน​

ภายในปี 2521 จะมีผู้ใช้บริการขนส่งแบบ MaaS กว่า 35 ล้านคนทั่วโลก หรือกว่า 1.5 พันนาทีต่อเดือน สร้างรายได้และเม็ดเงินกว่า 4.7 พันล้านยูโรต่อปี สภาพยุโรปจะเป็นแหล่งสร้างรายได้ที่ใหญ่ที่สุด ตามมาด้วยภูมิภาคเอเชียและอเมริกาเหนือ อย่างไรก็ดี รูปแบบการคมนาคมขนส่งดังกล่าวนี้เอง คาดว่าจะมีผลทำให้ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกลดลงกว่า 550,000 หน่วยภายในปี 2021 เช่นกัน สร้างความสูญเสียแก่ธุรกิจ OEMs รวมเป็นมูลค่า 7.4 พันล้านยูโร เห็นว่า MaaS สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาดรถยนต์รวมถึงตลาดการให้บริการขนส่งไปทั่วโลก แต่แม้ว่า MaaS กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องก็ตาม คาดว่าผลกระทบน่าจะจำกัดอยู่ในบริเวณเมืองใหญ่เท่านั้น เนื่องจากผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนจากการเป็นเจ้าของครอบครองไปสู่การแบ่งปัจจุบัน จากบทวิเคราะห์ของ BCG.​